(เพิ่มเติม) ฟิทช์คงอันดับเครดิตตั๋วแลกเงินของ บมจ. เอสโซ่ (ประเทศไทย) ที่ระดับ ‘F1(tha)’

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday November 18, 2015 18:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น (National Short-term Rating) ของโปรแกรมการออกตั๋วแลกเงินอายุไม่เกิน 270 วัน ซึ่งสามารถออกหมุนเวียนใหม่ได้ มูลค่าไม่เกินหนึ่ง 1.2 หมื่นล้านบาทของบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (ESSO) ที่ระดับ ‘F1(tha)’

ปัจจัยที่มีผลต่ออันดับเครดิต

การสนับสนุนที่แข็งแกร่งจากบริษัทแม่: อันดับเครดิตสะท้อนถึงการสนับสนุนทางการเงินที่มีอย่างต่อเนื่องจากบริษัทเอ็กซอนโมบิลคอร์ปอเรชั่น (ExxonMobil) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ ฟิทช์มองว่าการเพิ่มขึ้นของเงินกู้ยืมระหว่างกันนี้เพื่อให้แน่ใจได้ว่าบริษัทฯ มีสภาพคล่องทางการเงินที่เพียงพอในช่วงที่อัตราส่วนหนี้สินของ ESSO อยู่ในระดับสูง และกำไรจากการดำเนินงานที่อ่อนแอ ฟิทช์คาดว่าเงินกู้ยืมระหว่างกันในลักษณะนี้จะยังคงมีอย่างต่อเนื่องไป

อัตราส่วนหนี้สินที่อยู่ในระดับสูงแต่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น: กระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่ปรับตัวดีขึ้นและความต้องการใช้เงินทุนหมุนเวียนที่ลดลงจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ต่ำลง ได้ช่วยลดหนี้สินของบริษัทฯ ในระดับหนึ่ง ฟิทช์คาดว่าหนี้สินของ ESSO จะค่อยๆ ลดลงอย่างต่อเนื่องในปี 2559-2560 เนื่องจากฟิทช์คาดว่า ESSO ไม่น่าจะมีแผนการลงทุนขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกระแสเงินสดที่ได้จากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงของสินทรัพย์และหนี้สินจากการดำเนินงาน (FFO-adjusted net leverage) ของ ESSO ในปี 2559-2560 น่าจะยังคงอยู่ในระดับสูง

ประมาณการกระแสเงินสดที่สูงขึ้น: กระแสเงินสดจากการดำเนินงานของ ESSO ในปี 2558 น่าจะอยู่ในระดับสูงกว่าที่ฟิทช์ได้คาดการณ์ไว้เป็นอย่างมากเนื่องด้วยค่าการกลั่นที่ปรับตัวสูงขึ้นในปี 2558 ทั้งนี้ฟิทช์คาดว่าค่าการกลั่นจะลดลงในปี 2559 อย่างไรก็ตามฟิทช์ได้ปรับประมาณการกระแสเงินสดจากการดำเนินงานในปี 2559-2562 ขึ้นเล็กน้อยเพื่อสะท้อนถึงราคาน้ำมันดิบที่ลดลงและค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง ราคาน้ำมันดิบที่อยู่ในระดับต่ำนี้ส่งผลให้มีความต้องการผลิตภัณฑ์น้ำมันที่มากขึ้น, ลดต้นทุนการใช้พลังงาน และลดจำนวนสินค้าคงคลังลง ฟิทช์คาดว่าราคาน้ำมันน่าจะยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำในปี 2559 ก่อนจะปรับตัวสูงขึ้นในปี 2560-2561

โรงกลั่นที่มีสายการผลิตที่เชื่อมโยงกับการผลิตพาราไซลีน: อันดับเครดิตของ ESSO สะท้อนถึงโรงกลั่นน้ำมันของบริษัทฯ ที่มีความซับซ้อนและมีความสามารถในการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ที่สูง รวมถึงความได้เปรียบในการจัดหาน้ำมันดิบและวัตถุดิบในต้นทุนที่ต่ำโดยผ่านเครือข่ายของบริษัทแม่ ตลอดจนการดำเนินธุรกิจภายใต้เครื่องหมายการค้า “เอสโซ่" (Esso) ที่มีชื่อเสียงอันยาวนานในประเทศไทย อันดับเครดิตยังได้พิจารณาถึงการที่โรงกลั่นของบริษัทฯ มีการประสานเชื่อมโยงกันกับการผลิตพาราไซลีนซึ่งเป็นการเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ ทำให้สายการผลิตมีการใช้ประโยชน์สูงสุด ถึงแม้ว่ากำลังการผลิตของพาราไซลีนในภูมิภาคจะอยู่ในระดับเกินความต้องการและส่งผลให้ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบอยู่ในระดับต่ำก็ตาม นอกจากนี้ ESSO ยังมีความแข็งแกร่งในธุรกิจการค้าปลีกน้ำมันสำเร็จรูป โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับสามในประเทศไทยในช่วงหกเดือนแรกของปี 2558

ความผันผวนตามวัฏจักรของธุรกิจ: สถานะเครดิตของ ESSO ยังพิจารณารวมถึงความเสี่ยงจากความผันผวนที่สูงของราคาน้ำมันดิบ รายได้ค่าการกลั่น ตลอดจนส่วนต่างระหว่างราคาวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี ซึ่งอาจมีผลกระทบอย่างมากต่อรายได้ ความต้องการใช้เงินทุนหมุนเวียน และการสร้างกระแสเงินสดของบริษัทฯ นอกจากนี้ ESSO ยังมีความเสี่ยงจากการที่บริษัทฯ มีโรงกลั่นน้ำมันเพียงแห่งเดียว (Single-Site) อีกด้วย

สมมุติฐานที่สำคัญ

สมมุติฐานที่สำคัญของฟิทช์ที่ใช้ในการประมาณการ:

  • ราคาน้ำมันดิบ (เบรนท์) ที่ราคา USD55 ต่อบาร์เรลในปี 2559, USD65 ต่อบาร์เรลในปี 2560, USD70 ต่อบาร์เรลในปี 2561 และ USD75 ต่อบาร์เรลในปี 2562 เป็นต้นไป โดยมีการปรับปรุงด้วยส่วนต่างราคาน้ำมันตามการซื้อน้ำมันดิบของ ESSO;
  • ค่าการกลั่นอยู่ในระดับสูงในปี 2558 และลดลงในปี 2559;
  • ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบพาราไซลีนที่อ่อนแอในปี 2558, และฟื้นตัวเล็กน้อยในปี 2559;
  • ไม่มีการลงทุนขนาดใหญ่ในปี 2558-2562

ปัจจัยที่อาจมีผลกับอันดับเครดิตในอนาคต

ปัจจัยบวก:

  • การปรับเพิ่มของอันดับเครดิต ไม่น่าจะเกิดขึ้นในช่วง 12 เดือนข้างหน้า เนื่องจากอัตราส่วนหนี้สินในปัจจุบันของบริษัทฯ ที่อยู่ในระดับที่สูง อย่างไรก็ตามความความสัมพันธ์และความเชื่อมโยงกับกลุ่มบริษัท ExxonMobil ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ อาจจะเป็นปัจจัยบวกต่ออันดับเครดิตของบริษัทฯ ได้

ปัจจัยลบ:

  • สัดส่วนการถือหุ้นและการสนับสนุนที่น้อยลงจากกลุ่มบริษัท ExxonMobil และ/หรือ การลดลงของการเข้าถึงแหล่งเงินกู้จากธนาคารและตลาดตราสารหนี้ซึ่งอาจมีผลต่อสภาพคล่องและความยืดหยุ่นทางการเงินของบริษัทฯ
  • อัตราส่วนหนี้สิน โดยคำนวณจากอัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกระแสเงินสดที่ได้จากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงของสินทรัพย์และหนี้สินจากการดำเนินงาน (FFO-adjusted net leverage) ซึ่งรวมถึงเงินกู้ยืมระหว่างกันอยู่ในระดับที่สูงกว่า 6.5 เท่าอย่างต่อเนื่อง (ณ สิ้นปี 2558 บริษัทฯ มีกระแสเงินสดที่ได้จากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงของสินทรัพย์และหนี้สินจากการดำเนินงานเป็นลบ)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ