อัลแบร์โต มูซาเล็ม ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์เตือนว่า ผู้กำหนดนโยบายของสหรัฐฯ จะต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนต่อไปจนถึงช่วงฤดูร้อน จากความเสี่ยงที่สงครามการค้าภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์อาจเป็นปัจจัยผลักดันเงินเฟ้อให้เพิ่มขึ้นอย่างยืดเยื้อ โดยเขาประเมินว่า ความเป็นไปได้ในเรื่องนี้อยู่ที่ราวครึ่งต่อครึ่ง
รายงานของหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์เมื่อวันศุกร์ (6 มิ.ย.) ระบุว่า มูซาเล็มเชื่อว่า หากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายการค้าระหว่างประเทศและทิศทางด้านการคลังเริ่มคลี่คลายภายในเดือนก.ค. ก็จะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจ และอาจเปิดทางให้เฟดกลับมาปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้ในการประชุมเดือนก.ย.
เขาให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า การขึ้นภาษีนำเข้าภายใต้รัฐบาลทรัมป์อาจส่งผลให้เงินเฟ้อปรับตัวขึ้นในช่วงหนึ่งถึงสองไตรมาส แต่ขณะเดียวกันก็มีความเป็นไปได้ที่แรงกดดันด้านราคาจะดำเนินต่อเนื่องไปยาวนานกว่านั้น
ขณะที่ตลาดการเงินยังอยู่ในภาวะผันผวนจากทั้งแผนการขึ้นภาษีของทรัมป์และร่างงบประมาณมูลค่า 2.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้เฟดต้องชะลอการผ่อนคลายนโยบายการเงินไว้ก่อน หลังจากที่เคยลดดอกเบี้ยไปเมื่อปีก่อน
อย่างไรก็ดี มูซาเล็มยังไม่ตัดความเป็นไปได้ที่อัตราเงินเฟ้ออาจปรับตัวขึ้นในระดับที่น่ากังวล และชี้ว่าในสถานการณ์เช่นนี้ เจ้าหน้าที่จะไม่สามารถประเมินได้ในทันทีว่าเป็นการเพิ่มขึ้นชั่วคราวหรือเป็นแนวโน้มที่ยั่งยืน
ทั้งนี้ เฟดมีกำหนดจัดการประชุมครั้งต่อไปในช่วงกลางเดือนมิ.ย.นี้ โดยคาดว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิม พร้อมกับการเปิดเผยประมาณการเศรษฐกิจรอบใหม่