นักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ โดยคาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือนกันยายน ตุลาคม และธันวาคม จากเดิมที่คาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้ง หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่ซบเซา
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 79.3% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมเดือนก.ค.
นอกจากนี้ FedWatch Tool บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.00-4.25% ในการประชุมเดือนก.ย., ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.75-4.00% ในการประชุมเดือนต.ค. และปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.50-3.75% ในการประชุมเดือนธ.ค.
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 3 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 1/2568 โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐหดตัว 0.5% ในไตรมาสดังกล่าว ย่ำแย่กว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ที่ระบุว่าหดตัว 0.2% ขณะที่ตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ระบุว่าหดตัว 0.3%
เศรษฐกิจสหรัฐหดตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปีในไตรมาส 1/2568 โดยได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของการใช้จ่ายของผู้บริโภค รวมทั้งตัวเลขนำเข้าที่พุ่งขึ้น 37.9% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2563 จากการที่บริษัทต่าง ๆ พากันเร่งนำเข้าสินค้าก่อนที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะประกาศมาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรครั้งใหญ่ในเดือนเม.ย.
ทั้งนี้ ในปี 2567 เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 1.4% ในไตรมาส 1, 3.0% ในไตรมาส 2, 3.1% ในไตรมาส 3 และ 2.4% ในไตรมาส 4