ผู้พิพากษา เจีย คอบบ์ ได้กำหนดการไต่สวนในวันพรุ่งนี้ (29 ส.ค.) เกี่ยวกับคำร้องของนางลิซา คุก สมาชิกคณะกรรมการผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ต้องการให้ศาลระงับคำสั่งของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในการปลดเธอออกจากตำแหน่ง
การไต่สวนดังกล่าวจะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้เวลา 10.00 น. ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับเวลา 21.00 น.ตามเวลาไทย
ทั้งนี้ นางคุกได้ยื่นฟ้องในวันนี้เพื่อให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวจากคำสั่งของปธน.ทรัมป์ในการปลดเธอออกจากตำแหน่ง ระหว่างที่คดีกำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณา
"คดีนี้เป็นการท้าทายการกระทำที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและผิดกฎหมายของประธานาธิบดีทรัมป์ในความพยายามปลดผู้ว่าการคุกออกจากตำแหน่ง ซึ่งหากปล่อยให้เกิดขึ้น จะถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของคณะกรรมการเฟด" นายแอบบี โลเวลล์ ทนายความของนางคุก ระบุในคำฟ้อง ซึ่งมีการยื่นต่อศาลรัฐบาลกลางในกรุงวอชิงตัน ดีซี
การฟ้องร้องดังกล่าวได้จุดชนวนการต่อสู้ทางกฎหมายซึ่งมีแนวโน้มว่าจะไปจบลงที่ศาลฎีกาสหรัฐ
ด้านปธน.ทรัมป์กล่าวก่อนหน้านี้ว่า เขาจะมีเสียงข้างมากในคณะกรรมการผู้ว่าการเฟดในไม่ช้า ซึ่งจะสนับสนุนความต้องการของเขาในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
"เราจะมีเสียงข้างมากในอีกไม่นาน มันจะเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมาก เมื่อเรามีเสียงข้างมาก ตลาดที่อยู่อาศัยจะฟื้นตัว โดยขณะนี้ประชาชนต้องจ่ายดอกเบี้ยสูงเกินไป นั่นคือปัญหาเดียวของเรา เราต้องทำให้อัตราดอกเบี้ยลดลงอีกเล็กน้อย" ปธน.ทรัมป์กล่าวปธน.ทรัมป์กล่าวถ้อยแถลงดังกล่าวในการประชุมคณะรัฐมนตรี หลังจากที่เขาได้ประกาศปลดนางลิซา คุก ออกจากตำแหน่งสมาชิกคณะกรรมการผู้ว่าการเฟด หลังถูกกล่าวหาทำการฉ้อโกงด้วยการให้ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับการกู้เงินเพื่อซื้อที่อยู่อาศัย โดยนางคุกได้รับการแต่งตั้งจากอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ได้แต่งตั้งผู้ว่าการเฟด 2 คนจากทั้งหมด 7 คน และเตรียมแต่งตั้งนายสตีเฟน มิแรน เพื่อแทนที่นางอาเดรียนา คูเกลอร์ ซึ่งประกาศลาออกก่อนหน้านี้
ต่อคำถามที่ว่า เขากำลังพิจารณาใครมาแทนตำแหน่งของนางคุก ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า "เรามีคนเก่ง ๆ หลายคนสำหรับตำแหน่งนั้น และผมคิดว่าเรามีรายชื่ออยู่ไม่กี่คน ผมอาจจะมีคนที่ผมชอบอยู่แล้วในใจ"
นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังได้วิพากษ์วิจารณ์นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด โดยกล่าวว่า "เป็นเพราะเขาและดอกเบี้ยที่สูง ทำให้ตลาดที่อยู่อาศัยไม่ดีเท่าที่ควร เราจะจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยในเร็ว ๆ นี้"
ทั้งนี้ คณะกรรมการผู้ว่าการเฟดมีสมาชิกทั้งหมด 7 ราย แต่ปัจจุบันมีเพียง 6 ราย เนื่องจากนางอาเดรียนา คูเกลอร์ ประกาศลาออกในช่วงต้นเดือนส.ค. และหากปธน.ทรัมป์ประสบความสำเร็จในการปลดนางคุกออกจากตำแหน่ง ก็จะทำให้เหลือสมาชิกเพียง 5 ราย แต่สมาชิกทั้ง 5 รายดังกล่าวยังคงมีเสียงข้างมากเป็นผู้ที่ไม่ได้รับการแต่งตั้งจากปธน.ทรัมป์ แต่หากนายสตีเฟน มิแรน ผ่านการอนุมัติจากวุฒิสภา และสามารถเข้ามาแทนตำแหน่งที่ว่างของนางคูเกลอร์ และหากปธน.ทรัมป์สามารถปลดนางคุกได้สำเร็จ และแต่งตั้งคนของตนเข้าแทนที่ ก็จะทำให้ปธน.ทรัมป์มีเสียงข้างมาก 4 ต่อ 3 ในคณะกรรมการผู้ว่าการเฟด
นอกจากนี้ หากนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ประกาศลาออกจากตำแหน่งสมาชิกคณะกรรมการผู้ว่าการเฟด หลังจากครบวาระการดำรงตำแหน่งประธานเฟดในเดือนพ.ค.2569 และปธน.ทรัมป์แต่งตั้งคนของตนเองเข้าแทนที่ตำแหน่งที่ว่าง ก็จะทำให้ปธน.ทรัมป์ได้เสียงโหวตเพิ่มอีก 1 เสียง รวมเป็น 5 เสียงจากทั้งหมด 7 เสียง ซึ่งจะทำให้ปธน.ทรัมป์สามารถชี้นำนโยบายการเงินของเฟด
คำสั่งปลดของปธน.ทรัมป์มีขึ้นจากการที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐระบุว่าจะดำเนินการสอบสวนนางคุก ภายหลังจากที่นายบิล พัลท์ ผู้อำนวยการสำนักงานการเงินเพื่อการเคหะของรัฐบาลสหรัฐ (FHFA) ได้โพสต์ข้อความบน X ระบุว่า นางคุกได้กู้เงินจาก FHFA เพื่อซื้อบ้านในรัฐมิชิแกน โดยระบุว่าเป็นที่อยู่อาศัยหลัก แต่ต่อมาเธอได้กู้เงินอีกครั้งหนึ่งเพื่อซื้อคอนโดมิเนียมในแอตแลนตา และแจ้งว่าเป็นที่อยู่อาศัยหลักเช่นกัน
ทั้งนี้ นายพัลท์ระบุว่า นางคุกให้ข้อมูลเท็จดังกล่าวเพื่อแสวงหาประโยชน์จากสิทธิพิเศษจากอัตราดอกเบี้ยที่ FHFA มอบให้สำหรับที่อยู่อาศัยหลักเพียงแห่งเดียวเท่านั้น
การดำเนินการดังกล่าวนับเป็นความเคลื่อนไหวล่าสุดของปธน.ทรัมป์ที่ต้องการกดดันเฟด ท่ามกลางความไม่พอใจที่เฟดยังคงไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ย แม้ปธน.ทรัมป์มักอ้างว่าสหรัฐไม่มีปัญหาเงินเฟ้อแล้ว
อย่างไรก็ดี กฎหมายว่าด้วยธนาคารกลางสหรัฐ ระบุว่า ประธานาธิบดีอาจปลดผู้ว่าการเฟดก็ต่อเมื่อ "มีเหตุผลอันควร" เท่านั้น
นอกจากนี้ นางคุกยังไม่ถูกตั้งข้อหาใด ๆ และยังไม่ถูกตัดสินว่ามีความผิดในข้อหาฉ้อโกงดังกล่าว