ธนาคารกลางบราซิลมีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Selic) ไว้ที่ระดับ 15% ในการประชุมเมื่อวันพุธ (17 ก.ย.) ซึ่งเป็นการตรึงดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นครั้งที่ 2 และเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2549 โดยการตัดสินใจครั้งนี้เป็นไปตามที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้
ธนาคารกลางบราซิลส่งสัญญาณว่าจะตรึงดอกเบี้ยในระดับสูงนี้ไปอีกเป็นเวลานานเพื่อคุมเงินเฟ้อให้อยู่หมัด โดยได้ตัดถ้อยคำที่เคยระบุว่านี่เป็นเพียง "การหยุดชั่วคราว" ในวงจรดอกเบี้ยขาขึ้นออกไป ซึ่งบ่งชี้ว่าแบงก์ชาติมีความตั้งใจที่จะคงนโยบายการเงินที่เข้มงวดต่อไป
อย่างไรก็ดี แบงก์ชาติยังคงเปิดช่องสำหรับการขึ้นดอกเบี้ยในอนาคต โดยย้ำว่าจะไม่ลังเลที่จะกลับมาใช้นโยบายคุมเข้มอีกครั้งหากจำเป็น ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่ายังไม่ไว้วางใจสถานการณ์เงินเฟ้อ
นักเศรษฐศาสตร์วิเคราะห์ว่า โอกาสที่จะได้เห็นการลดดอกเบี้ยในปี 2568 นั้นไกลออกไปอีก พร้อมชี้ว่าท่าทีของธนาคารกลางยังคงค่อนข้างแข็งกร้าว ทำให้แทบไม่มีโอกาสลดดอกเบี้ยในระยะสั้น โดยตลาดผิดหวังเล็กน้อยที่แบงก์ชาติยังคงคาดการณ์เงินเฟ้อในระยะข้างหน้า (ไตรมาส 1 ปี 2570) ไว้ที่ 3.4% ไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณชัดเจนว่าการผ่อนคลายนโยบายการเงินจะยังไม่เกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ แต่อาจเป็นช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า
ท่าทีระมัดระวังของแบงก์ชาติมีขึ้น แม้จะมีปัจจัยบวกหลายอย่างเข้ามาสนับสนุน ทั้งการคาดการณ์เงินเฟ้อในตลาดที่เริ่มลดลง สกุลเงินเรียลที่แข็งค่าขึ้นกว่า 13% ในปีนี้ และการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เพิ่งลดดอกเบี้ย ซึ่งช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับสินทรัพย์ของบราซิล