รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาสหรัฐในวันนี้ (18 ก.ย.) โดยขอให้ศาลเพิกถอนคำตัดสินของศาลอุทธรณ์ที่ขัดขวางไม่ให้ปธน.ทรัมป์ปลดนางลิซา คุก สมาชิกคณะกรรมการผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ออกจากตำแหน่ง
การยื่นคำร้องดังกล่าวมีขึ้นเพียงหนึ่งวัน หลังจากที่นางคุกเข้าร่วมการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) วานนี้ ซึ่งที่ประชุมมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25%
"คำร้องนี้เป็นอีกหนึ่งกรณีของการแทรกแซงโดยมิชอบของศาลที่บั่นทอนอำนาจของประธานาธิบดีในการปลดเจ้าหน้าที่ ซึ่งในกรณีนี้ หมายถึงการแทรกแซงอำนาจประธานาธิบดีในการปลดสมาชิกคณะกรรมการผู้ว่าการเฟดด้วยเหตุผลอันสมควร" นายดี. จอห์น เซาเออร์ อัยการสูงสุด ระบุในเอกสารที่ยื่นต่อศาลฎีกา
ปธน.ทรัมป์ระบุเมื่อวันที่ 25 สิงหาคมว่า เขาจะปลดนางคุกออกจากตำแหน่งคณะกรรมการเฟด โดยอ้างข้อกล่าวหาว่า นางคุกทำการฉ้อโกงสินเชื่อที่อยู่อาศัย ก่อนเข้ารับตำแหน่งในเฟด
ด้านนางคุกซึ่งปฏิเสธการกระทำผิด ได้ยื่นฟ้องต่อศาลเพื่อขัดขวางการถูกปลดดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่าปธน.ทรัมป์ไม่มีเหตุผลทางกฎหมายเพียงพอในการปลดเธอออกจากตำแหน่ง
ต่อมา ผู้พิพากษาศาลแขวงในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. มีคำสั่งในวันที่ 9 กันยายน ห้ามปธน.ทรัมป์ปลดนางคุกระหว่างที่คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณา
อย่างไรก็ดี กระทรวงยุติธรรมได้ยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์กรุงวอชิงตัน ดีซี เพื่อขอระงับคำสั่งดังกล่าว และให้พิจารณาก่อนที่ FOMC จัดการประชุมในวันที่ 16-17 ก.ย. แต่ศาลอุทธรณ์มีมติปฏิเสธคำร้องดังกล่าว ทำให้นางคุกยังคงมีสิทธิ์เข้าร่วมประชุม FOMC ในวันดังกล่าว
นายเซาเออร์กล่าวว่า ศาลฏีกาควรเพิกถอนคำสั่งห้ามชั่วคราวของศาลแขวงที่คืนตำแหน่งให้นางคุกระหว่างที่คดีอยู่ระหว่างการพิจารณา
ทั้งนี้ นางคุกถูกกล่าวหาว่าได้กู้เงินจากสำนักงานการเงินเพื่อการเคหะของรัฐบาลสหรัฐ (FHFA) เพื่อซื้อบ้านในรัฐมิชิแกน โดยระบุว่าเป็นที่อยู่อาศัยหลัก แต่ต่อมาเธอได้กู้เงินอีกครั้งหนึ่งเพื่อซื้อคอนโดมิเนียมในแอตแลนตา และแจ้งว่าเป็นที่อยู่อาศัยหลักเช่นกัน โดยนางคุกให้ข้อมูลเท็จดังกล่าวเพื่อแสวงหาประโยชน์จากสิทธิพิเศษจากอัตราดอกเบี้ยที่ FHFA มอบให้สำหรับที่อยู่อาศัยหลักเพียงแห่งเดียวเท่านั้น
นายเซาเออร์ระบุว่า "นางคุกได้ให้ข้อมูลที่ขัดแย้งกันในสัญญาจำนองสองฉบับที่ทำในเวลาไล่เลี่ยกัน โดยอ้างว่าทั้งบ้านในมิชิแกนและบ้านในจอร์เจียต่างก็เป็นที่อยู่อาศัยหลักของเธอพร้อมกัน"
"เมื่อการกระทำที่น่าสงสัยนี้ถูกเปิดเผยออกมา ท่านประธานาธิบดีจึงตัดสินว่า 'การกระทำที่หลอกลวงและอาจเข้าข่ายอาชญากรรมในเรื่องการเงิน' ของนางคุก ทำให้เธอไม่เหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการเฟด และยังแสดงถึงความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงในการทำธุรกรรมทางการเงิน ซึ่งทำให้เกิดข้อสงสัยในความสามารถและความน่าเชื่อถือของเธอในฐานะผู้กำกับดูแลด้านการเงิน'" นายเซาเออร์ระบุ