สัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ชัดเจนขึ้นทุกขณะ หลังรายงานการประชุมนโยบายการเงินเดือนก.ค. ที่เปิดเผยในวันนี้ (25 ก.ย.) เผยให้เห็นความเห็นต่างภายในคณะกรรมการ โดยมีกรรมการหลายคนสนับสนุนการขึ้นดอกเบี้ยในอนาคต แม้ว่ามติในครั้งนั้นจะให้คงอัตราดอกเบี้ยเป็นเอกฉันท์ก็ตาม
ความเห็นต่างนี้ถูกตอกย้ำในการประชุมครั้งล่าสุดเมื่อเดือนก.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งมีกรรมการถึง 2 รายโหวตสวนมติส่วนใหญ่ โดยเสนอให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยจาก 0.5% เป็น 0.75% ทันที แต่ข้อเสนอดังกล่าวก็ต้องตกไป
รายงานการประชุมเดือนก.ค. สะท้อนให้เห็นถึงมุมมองของ "สายเหยี่ยว" (กลุ่มที่สนับสนุนนโยบายการเงินแบบเข้มงวด) ที่เริ่มแข็งกร้าวขึ้น โดยให้เหตุผลว่า BOJ ควรเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยกลับสู่ระดับที่เป็นกลาง เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปัจจุบันยังต่ำเกินไป ขณะที่ราคาสินค้ายังคงอยู่ในระดับสูง
กรรมการบางรายถึงกับกล่าวว่า BOJ ควร "เลิกระมัดระวังเกินเหตุจนพลาดโอกาส" ในการขึ้นดอกเบี้ย โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดหุ้นกำลังตอบรับเชิงบวกต่อข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ-ญี่ปุ่น ซึ่งช่วยลดความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจลงได้มาก
อย่างไรก็ตาม ฝั่ง "สายพิราบ" (กลุ่มที่สนับสนุนนโยบายผ่อนคลาย) ที่นำโดยคาซูโอะ อุเอดะ ผู้ว่าการ BOJ ยังคงย้ำถึงความจำเป็นที่ต้องดำเนินนโยบายอย่างระมัดระวัง โดยให้เหตุผลว่าเศรษฐกิจยังคงเผชิญความเสี่ยงจากกำแพงภาษีของสหรัฐฯ และความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทำให้ควร "รอข้อมูลเพิ่มเติมอีกสักระยะ" ก่อนตัดสินใจ
ประเด็นที่ถกเถียงกันอย่างหนักคือเงินเฟ้อ โดยกรรมการฝ่ายหนึ่งมองว่าตัวเลขที่พุ่งสูงขึ้นเป็นเพียงผลกระทบชั่วคราวจากราคาอาหาร แต่อีกฝ่ายโต้แย้งว่า หากราคาอาหารยังคงสูงต่อเนื่อง อาจส่งผลกระทบต่อการคาดการณ์เงินเฟ้อของประชาชนในระยะยาว
มาริ อิวาชิตะ นักกลยุทธ์จาก Nomura Securities วิเคราะห์ว่า "การที่คณะกรรมการถกเถียงเรื่องเงินเฟ้อกันอย่างเข้มข้น สะท้อนว่าหลายคนกังวลต่อความเสี่ยงที่ราคาจะพุ่งสูงขึ้น" พร้อมคาดการณ์ว่ามีความเป็นไปได้ที่ BOJ อาจตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนต.ค.นี้