จอห์น วิลเลียมส์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขานิวยอร์ก ส่งสัญญาณสนับสนุนให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก แม้กรรมการเฟดบางคนได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อสูง ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวบ่งชี้ว่าการตัดสินใจด้านนโยบายการเงินของเฟดไม่ราบรื่นนัก
วิลเลียมส์ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทม์สในวันพฤหัสบดี (9 ต.ค.) ว่า ตลาดแรงงานมีความเสี่ยงที่จะชะลอตัวลงอีก ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาให้ความสนใจอย่างมาก ขณะเดียวกันเขามองว่า มาตรการภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะไม่ทำให้แรงกดดันด้านเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นเหมือนกับที่ผู้สังเกตการณ์หลายคนได้คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ เขายังไม่เห็นสัญญาณใด ๆ ที่จะทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นอีก
"ผมคิดว่าตลาดแรงงานมีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะเผชิญภาวะขาลง และนั่นจะช่วยลดความเสี่ยงที่เงินเฟ้อจะปรับตัวสูงขึ้น" วิลเลียมส์กล่าวอย่างไรก็ดี ข้อมูลเมื่อไม่นานมานี้แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจมีการขยายตัวที่แข็งแกร่ง และการใช้จ่ายของผู้บริโภคปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งทำให้กรรมการเฟดคนอื่น ๆ มีท่าทีระมัดระวังเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยไมเคิล บาร์ หนึ่งในสมาชิกผู้ว่าการเฟดได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ แม้เขาตระหนักว่าตลาดแรงงานอยู่ในภาวะที่ค่อนข้างสมดุลก็ตาม
ทั้งนี้ บาร์กล่าวว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) ควรใช้ความระมัดระวังเกี่ยวกับการปรับนโยบายการเงิน เพื่อที่เฟดจะสามารถรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติม ตลอดจนรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับตัวเลขคาดการณ์ และประเมินความสมดุลของความเสี่ยงได้ดียิ่งขึ้น
การแสดงความเห็นที่ไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกันของเจ้าหน้าที่เฟดทั้งสอง มีขึ้นเพียงไม่กี่สัปดาห์หลังจากคณะกรรมการ FOMC เฟดมีมติ 11 ต่อ 1 เสียง ให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 4.00-4.25% ในการประชุมเมื่อวันที่ 17 ก.ย. โดยสตีเฟน มิแรน โหวตสวนมติในที่ประชุม ด้วยการสนับสนุนให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากถึง 0.50%
นอกจากนี้ รายงานการประชุมประจำเดือนก.ย.ของเฟดซึ่งมีการเผยแพร่เมื่อวันที่ 8 ต.ค.ที่ผ่านมายังบ่งชี้ว่า แม้กรรมการเฟดมีความเห็นตรงกันว่าความเสี่ยงที่มีต่อตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ได้เพิ่มขึ้นมากพอที่เฟดจะเห็นสมควรให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่กรรมการเฟดยังคงระมัดระวังเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อสูง