บริษัทที่ปรึกษาการเงินเจฟเฟอรีส์ (Jefferies) ประเมินว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีแนวโน้มที่จะยุติการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2569 เนื่องจากความไม่แน่นอนด้านการค้ากำลังคลี่คลาย และร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจ "One Big Beautiful Bill" ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ อาจช่วยผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีหน้า ซึ่งจะลดแรงกดดันให้เฟดต้องใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไป
เจฟเฟอรีส์ระบุในบันทึกล่าสุดว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะได้แรงสนับสนุนจากความชัดเจนด้านนโยบายการค้าและการคลัง รวมถึงแรงจูงใจด้านการลงทุนจากร่างกฎหมายดังกล่าว ประกอบกับผลบวกบางส่วนจากการปรับลดดอกเบี้ยที่ผ่านมา ทำให้ปัจจุบันยังไม่เห็นความจำเป็นที่เฟดจะต้องลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมในปี 2569
อย่างไรก็ตาม สถาบันการเงินรายนี้คาดว่า เฟดอาจไม่สามารถดำเนินการปรับลดดอกเบี้ยครั้งที่สามได้ภายในปี 2568 แม้เจอโรม พาวเวล ประธานเฟดยืนยันว่า การตัดสินใจเรื่องการปรับลดดอกเบี้ยยังไม่ได้ข้อสรุป แต่การโน้มน้าวให้กรรมการเฟดสายเหยี่ยวเห็นชอบกับการลดดอกเบี้ยอีกครั้งนั้น จำเป็นต้องอาศัยข้อมูลทางเศรษฐกิจที่ชัดเจนและน่าเชื่อถือมากกว่านี้
แม้การปิดหน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ชั่วคราวส่งผลให้ข้อมูลเศรษฐกิจบางส่วนขาดหาย แต่ภาพรวมในขณะนี้ถือว่าชัดเจนกว่าช่วงต้นปีมาก โดยข้อมูลล่าสุดยังสะท้อนทั้งจุดแข็งและจุดอ่อนของเศรษฐกิจ เช่น ตลาดแรงงานที่เริ่มอ่อนแรงลง
เจฟเฟอรีส์ชี้ว่า เมื่อข้อมูลที่คลาดเคลื่อนในช่วงก่อนหน้านี้ได้รับการปรับแก้ ความไม่มั่นใจต่อแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยก็ลดลง โดยการทบทวนตัวเลขการจ้างงานที่อ่อนแอจะเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้เฟดปรับลดดอกเบี้ยในช่วงปลายปี 2568
ทั้งนี้ เจฟเฟอรีส์คาดว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการคลังชุดใหม่และแรงจูงใจด้านการลงทุนจะช่วยหนุนการเติบโตในช่วงครึ่งหลังของปีหน้า ขณะที่แนวโน้มที่ประธานาธิบดีทรัมป์จะลดความขัดแย้งทางการค้าและหลีกเลี่ยงการถกเถียงด้านภาษีเพิ่มเติม อาจทำให้เฟดยุติการผ่อนคลายนโยบายการเงิน เว้นแต่จะมีข้อมูลเศรษฐกิจใหม่หรือการเปลี่ยนแปลงภายในทีมผู้บริหารเฟดที่ทำให้ทิศทางดังกล่าวเปลี่ยนแปลงไป