นักลงทุนแสดงความไม่มั่นใจต่อการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. โดยล่าสุดให้น้ำหนัก 50/50 ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 3 ของปีนี้ในเดือนธ.ค. หลังทำเนียบขาวระบุว่า การปิดหน่วยงานรัฐบาล หรือชัตดาวน์ อาจส่งผลทำให้ไม่มีการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อและการจ้างงานประจำเดือนต.ค. ซึ่งข้อมูลดังกล่าวมีความสำคัญต่อการตัดสินใจด้านนโยบายการเงินของเฟด
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 49.6% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.50-3.75% ในการประชุมเดือนธ.ค. จากเดิมที่ให้น้ำหนักมากถึง 66.9% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
นอกจากนี้ นักลงทุนให้น้ำหนัก 50.4% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 3.75-4.00% ในการประชุมเดือนธ.ค. จากเดิมที่ให้น้ำหนักเพียง 33.1% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
นางแคโรไลน์ เลวิตต์ โฆษกทำเนียบขาว กล่าวว่า อาจไม่มีการเผยแพร่ตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนต.ค. เนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าวได้รับผลกระทบจากการชัตดาวน์
ขณะเดียวกัน นางเลวิตต์ได้กล่าวโทษพรรคเดโมแครตว่าเป็นสาเหตุทำให้ไม่มีการเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าว
'พรรคเดโมแครตอาจสร้างความเสียหายอย่างถาวรต่อระบบสถิติของรัฐบาลกลาง โดยเฉพาะรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และรายงานการจ้างงานประจำเดือนต.ค. ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะไม่ได้รับการเปิดเผย ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจทั้งหมดที่ออกมาจะไม่สมบูรณ์ ทำให้บรรดาผู้กำหนดนโยบายของเฟดต้องตัดสินใจอย่างมืดบอดในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้' นางเลวิตต์กล่าว