ธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 4.75% ตามคาด ในการประชุมวันนี้ (17 ธ.ค.) ซึ่งเป็นการประชุมครั้งสุดท้ายของปี โดยมีเป้าหมายเพื่อลดแรงกดดันที่มีต่อค่าเงินรูเปียห์ ท่ามกลางกระแสเงินทุนต่างชาติที่ไหลออกอย่างต่อเนื่อง
เพอร์รี วาร์จีโย ผู้ว่าการ BI แถลงว่า "มติดังกล่าวสอดคล้องกับความพยายามในการรักษาเสถียรภาพของค่าเงินรูเปียห์ท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก" พร้อมระบุว่า BI จะยังคงเดินหน้าเพิ่มประสิทธิผลของมาตรการผ่อนคลายทางการเงินที่ได้ประกาศใช้ไปก่อนหน้านี้
ภายหลังการประกาศมติอัตราดอกเบี้ย ค่าเงินรูเปียห์เคลื่อนไหวเล็กน้อยที่ระดับ 16,700 รูเปียห์ต่อดอลลาร์ ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นอินโดนีเซียปรับตัวลง 0.1% ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ทรงตัวอยู่ที่ระดับ 6.15% เพิ่มขึ้น 3 เบซิสพอยท์ (bps) จากช่วงก่อนหน้า
"ในระยะต่อไป ธนาคารกลางอินโดนีเซียจะยังคงประเมินโอกาสในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติม" วาร์จีโยกล่าว โดยอ้างถึงการคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำ และความจำเป็นในการเร่งการเติบโตทางเศรษฐกิจของอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
การประกาศคงอัตราดอกเบี้ยในวันนี้ตอกย้ำให้เห็นว่า BI ให้ความสำคัญกับการรักษาเสถียรภาพของค่าเงิน เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติยังคงเทขายสินทรัพย์ของอินโดนีเซีย โดยได้รับแรงกดดันจากความกังวลเรื่องการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ซบเซาและความเสี่ยงจากการใช้จ่ายภาครัฐที่สูงเกินไป
ตลาดพันธบัตรอินโดนีเซียมีความเสี่ยงที่จะเผชิญภาวะเงินทุนไหลออกสุทธิรายปีเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี หลังจากกองทุนต่างชาติเทขายพันธบัตรมูลค่า 4.6 พันล้านดอลลาร์ในเดือนที่ผ่านมา และแรงเทขายตราสารหนี้ของนักลงทุนต่างชาติแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ค่าเงินรูเปียห์ยังคงอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ในเดือนนี้ สวนทางกับสกุลเงินของประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เงินบาทของไทยและริงกิตของมาเลเซียที่แข็งค่าขึ้น โดยตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน (YTD) ค่าเงินรูเปียห์ร่วงลงแล้ว 3.6% ซึ่งถือเป็นสกุลเงินที่อ่อนค่ามากที่สุดเป็นอันดับ 2 ในเอเชีย
ขณะเดียวกัน BI จะรอดูผลจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยรวม 125 bps ในช่วงต้นปีนี้ เพื่อให้มาตรการดังกล่าวส่งผ่านเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจที่กำลังเผชิญปัญหาอุปสงค์ในประเทศชะลอตัวและการจ้างงานที่อ่อนแอ
วาร์จีโยเปิดเผยว่า ความต้องการสินเชื่อยังคงอ่อนแอ โดยภาคธุรกิจยังคงอยู่ในโหมดรอดูสถานการณ์ และเลือกที่จะใช้เงินทุนภายในกิจการท่ามกลางต้นทุนการกู้ยืมที่ยังคงอยู่ในระดับสูง พร้อมกันนี้ ผู้ว่าการ BI ได้กล่าวย้ำข้อเรียกร้องให้ธนาคารพาณิชย์ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลง โดยระบุว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ปรับลดลงเพียง 24 bps เท่านั้นนับตั้งแต่ต้นปี ขณะที่การเติบโตของสินเชื่อในเดือนพ.ย. อยู่ที่ 7.74% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายทั้งปีที่ระดับ 8-11%
"ในระยะข้างหน้า BI จะยังคงสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการรักษาเสถียรภาพ" วาร์จีโยกล่าว พร้อมเสริมว่าจะมีการใช้นโยบายการเงินและมาตรการดูแลเสถียรภาพระบบการเงิน ร่วมกับมาตรการกระตุ้นทางการคลัง
ทั้งนี้ BI ยังคงคาดการณ์การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไว้ที่ระดับ 4.7-5.5% ในปีนี้ และ 4.9-5.7% ในปี 2569