ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 8-9 ธ.ค. โดยระบุว่า คณะกรรมการ RBA ได้หารือเกี่ยวกับสถานการณ์ที่อาจทำให้ต้องเปลี่ยนทิศทางนโยบายการเงินไปเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2569 เนื่องจากเงินเฟ้อมีความเสี่ยงที่จะอยู่ในช่วงขาขึ้น พร้อมกับย้ำว่าการเคลื่อนไหวใด ๆ ในอนาคตจะขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจ
หลังเสร็จสิ้นการประชุมในวันที่ 9 ธ.ค. คณะกรรมการ RBA มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 3.6% ซึ่งเป็นการคงดอกเบี้ยติดต่อกันครั้งที่ 3 โดยถึง "ความไม่แน่นอน" ของแนวโน้มเศรษฐกิจ
รายงานการประชุมซึ่งมีการเผยแพร่ในวันนี้ (23 ธ.ค.) ระบุว่า กรรมการ RBA ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับทิศทางของเงินเฟ้อเมื่อไม่นานมานี้ โดยมองว่ามีความเสี่ยงที่ภาวะเงินเฟ้ออาจจะยืดเยื้อยาวนานกว่าที่ประเมินไว้ในปัจจุบัน และความเป็นไปได้ที่ความยืดเยื้อนั้นอาจจะส่งผลให้เกิดสภาพแวดล้อมที่แรงกดดันด้านราคากลายเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ง่ายขึ้น และอำนาจการซื้อของครัวเรือนจะตกอยู่ภายใต้ความกดดันมากขึ้นไปอีกด้วย
นอกจากนี้ กรรมการ RBA ยังมองว่า ดูเหมือนว่าภาวะเศรษฐกิจออสเตรเลียจะดำเนินไปโดยมี "อุปสงค์ส่วนเกินในระดับหนึ่ง" แม้ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะตัดสินว่าภาวะเงินเฟ้อจะยืดเยื้อยาวนานกว่าที่เคยสันนิษฐานไว้ในเดือนพ.ย.หรือไม่ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ RBA เผยแพร่รายงานคาดการณ์เศรษฐกิจมหภาคฉบับล่าสุด
มิเชล บูลล็อก ผู้ว่าการ RBA ได้แถลงข่าวหลังเสร็จสิ้นการประชุมในวันที่ 9 ธ.ค. ว่า ภาวะเศรษฐกิจของออสเตรเลียในขณะนี้ไม่จำเป็นต้องมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม ซึ่งส่งสัญญาณว่าคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของ RBA กำลังใช้ท่าทีจับตาและรอดูสถานการณ์ ในขณะเดียวกันก็ติดตามสัญญาณที่บ่งชี้ถึงการปรับตัวขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ
บูลล็อกกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ข้อมูลเมื่อไม่นานมานี้แสดงให้เห็นว่า ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อโน้มเอียงไปทางขาขึ้น และเสริมว่ากรรมการ RBA ไม่ได้หารือกันเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ แต่กำลังพิจารณาถึงปัจจัยที่อาจผลักดันให้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2569
ทั้งนี้ การแสดงความเห็นของบูลล็อกบ่งชี้ว่า RBA มีแนวโน้มที่จะเป็นหนึ่งในธนาคารกลางที่มีวงจรการผ่อนคลายนโยบายการเงินที่สั้นที่สุดในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว