แถลงการณ์ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) ธนาคารกลางสหรัฐเดือนก.ค.

ข่าวต่างประเทศ Thursday August 1, 2013 09:01 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ซึ่งเสร็จสิ้นลงเมื่อคืนนี้ว่า ข้อมูลที่ได้รับนับตั้งแต่ที่คณะกรรมการ FOMC ประชุมกันในเดือนมิ.ย.บ่งชี้ว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจมีการขยายตัวเล็กน้อยในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ภาวะตลาดแรงงานได้ส่งสัญญาณของการปรับตัวดีขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา หลังจากมีการพิจารณาในทุกๆด้าน แต่อัตราว่างงานยังคงอยู่ในระดับสูง การใช้จ่ายในภาคครัวเรือนและการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรของภาคธุรกิจมีความคืบหน้า และภาคที่อยู่อาศัยได้ปรับตัวแข็งแกร่งต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม อัตราดอกเบี้ยจำนองได้ปรับตัวสูงขึ้นอยู่บ้าง และนโยบายการคลังกำลังสกัดการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ส่วนเงินเฟ้อได้ปรับตัวต่ำกว่าเป้าหมายระยะยาวของคณะกรรมการ ซึ่งส่วนหนึ่งสะท้อนถึงปัจจัยชั่วคราว แต่การคาดการณ์เงินเฟ้อระยะยาวยังคงทรงตัว

คณะกรรมการ FOMC พยายามที่จะสนับสนุนการจ้างงานให้ขยายตัวในระดับสูงสุดและสร้างเสถียรภาพด้านราคา ซึ่งสอดคล้องกับขอบเขตอำนาจหน้าที่ของเฟด คณะกรรมการคาดว่า ด้วยการผ่อนคลายนโยบายอย่างเหมาะสม การขยายตัวทางเศรษฐกิจจะกระเตื้องขึ้นจากช่วงที่ผ่านมาและอัตราว่างงานจะลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปสู่ระดับที่คณะกรรมการพิจารณาว่าสอดคล้องกับเป้าหมายหลัก 2 ประการ คณะกรรมการมองว่ามีความเสี่ยงช่วงขาลงต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและตลาดแรงงาน ซึ่งได้ลดลงนับแต่ฤดูใบไม้ร่วง ขณะที่ประเมินว่าเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าเป้าหมายที่ 2% อย่างต่อเนื่องอาจก่อความเสี่ยงต่อการปรับตัวทางเศรษฐกิจ แต่ก็คาดว่าเงินเฟ้อจะปรับตัวกลับมาอยู่ใกล้เป้าหมายดังกล่าวในระยะกลาง

ทั้งนี้ เพื่อที่จะหนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจให้แข็งแกร่งขึ้นและเพื่อช่วยสร้างความมั่นใจว่าเงินเฟ้อจะอยู่ในอัตราที่สอดคล้องกับเป้าหมายหลัก 2 ประการของเฟดมากที่สุดเมื่อเวลาผ่านไปนั้น คณะกรรมการได้ตัดสินใจที่จะยังคงเดินหน้าซื้อหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน (MBS) ของหน่วยงานที่รัฐบาลให้การสนับสนุนในวงเงิน 4.0 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือนและพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่มีอายุการไถ่ถอนนานขึ้นวงเงิน 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน คณะกรรมการยังคงดำเนินนโยบายที่มีอยู่ในปัจจุบันต่อไปในการนำเงินต้นที่ได้รับจากการถือครองตราสารหนี้ของหน่วยงานที่รัฐบาลให้การสนับสนุนและ MBS ของหน่วยงานที่รัฐบาลให้การสนับสนุน ไปลงทุนใหม่ใน MBS ของหน่วยงานที่รัฐบาลให้การสนับสนุน และจะเข้าซื้อพันธบัตรชุดใหม่เมื่อพันธบัตรเดิมครบกำหนดไถ่ถอนในการประมูล โดยมาตรการเหล่านี้น่าจะยังคงสร้างแรงกดดันช่วงขาลงต่ออัตราดอกเบี้ยระยะยาว ช่วยหนุนตลาดจำนอง และช่วยทำให้ภาวะทางการเงินในวงกว้างมีความผ่อนคลายมากขึ้น

คณะกรรมการจะจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่กำลังจะมีการเปิดเผยและความคืบหน้าทางการเงินในช่วงหลายเดือนข้างหน้าอย่างใกล้ชิด คณะกรรมการจะยังคงเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐและ MBS ของหน่วยงานที่รัฐบาลให้การสนับสนุน รวมทั้งใช้เครื่องมือด้านนโยบายอื่นๆตามความเหมาะสมจนกว่าแนวโน้มของตลาดแรงงานจะปรับตัวดีขึ้นอย่างมากตามบริบทของความมีเสถียรภาพด้านราคา คณะกรรมการพร้อมที่จะเพิ่มหรือลดอัตราการซื้อหลักทรัพย์ดังกล่าวเพื่อให้การผ่อนคลายด้านนโยบายยังคงมีความเหมาะสม เมื่อแนวโน้มของตลาดแรงงานหรือเงินเฟ้อมีการเปลี่ยนแปลงไป ส่วนในการตัดสินใจเกี่ยวกับขนาด อัตราความเร็วและองค์ประกอบของการซื้อสินทรัพย์นั้น คณะกรรมการจะยังคงพิจารณาอย่างเหมาะสมเกี่ยวกับประสิทธิภาพและต้นทุนที่มีความเป็นไปได้ของการซื้อดังกล่าว รวมทั้งขอบเขตของความคืบหน้าสู่เป้าหมายทางเศรษฐกิจ

ในส่วนของการสนับสนุนให้มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องสู่การจ้างงานสูงสุดและความมีเสถียรภาพด้านราคานั้น คณะกรรมการได้ยืนยันอีกครั้งในวันนี้ถึงมุมมองที่ว่าท่าทีที่ผ่อนคลายอย่างมากด้านนโยบายการเงินจะยังคงมีความเหมาะสมต่อไปเป็นระยะเวลานานหลังจากแผนการซื้อสินทรัพย์สิ้นสุดลงและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจมีความแข็งแกร่ง โดยคณะกรรมการได้ตัดสินใจที่จะคงช่วงเป้าหมายสำหรับอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (federal funds rate) ไว้ที่ 0-0.25% และคาดว่าช่วงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับต่ำเป็นพิเศษนี้จะมีความเหมาะสมต่อไป ตราบเท่าที่อัตราว่างงานยังคงสูงกว่า 6.5%, มีการคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อในช่วง 1-2 ปีข้างหน้าจะสูงกว่าเป้าหมายระยะยาวที่ 2% ที่คณะกรรมการกำหนดไว้ไม่เกิน 0.5% และการคาดการณ์เงินเฟ้อระยะยาวยังคงอยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้ สำหรับการตัดสินใจว่าจะยังคงมีท่าทีที่ผ่อนคลายอย่างมากด้านนโยบายการเงินเป็นระยะเวลานานเพียงใดนั้น คณะกรรมการก็จะพิจารณาข้อมูลอื่นๆด้วย ซึ่งรวมถึงการประเมินเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาวะตลาดแรงงาน, ปัจจัยชี้วัดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อและการคาดการณ์เงินเฟ้อ และการประเมินความคืบหน้าทางการเงิน เมื่อคณะกรรมการตัดสินใจที่จะเริ่มยกเลิกการผ่อนคลายด้านนโยบายนั้น ก็จะใช้วิธีที่มีความสมดุล ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายระยะยาวของการจ้างงานสูงสุดและเงินเฟ้อที่ 2%

สำหรับผู้ที่ออกเสียงสนับสนุนการดำเนินนโยบายการเงินของ FOMC ได้แก่ เบน เอส. เบอร์นันเก้ ประธานเฟด, วิลเลียม ซี. ดัดลีย์ รองประธานเฟด, เอลิซาเบธ เอ. ดุค, ชาร์ลส์ แอล. อีแวนส์, เจอโรม เอช. เพาเวล, ซาราห์ บลูม รัสกิน, เอริค เอส. โรเซนเกรน, เจเรมี ซี. สเตน, แดเนียล เค. ทารุลโล และเจเน็ต แอล. เยลเลน

ส่วนผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการดำเนินนโยบายดังกล่าว คือ เอสเธอร์ แอล จอร์จ ซึ่งวิตกว่าการที่ยังคงผ่อนคลายทางการเงินอย่างมากนั้นได้เพิ่มความเสี่ยงเกี่ยวกับภาวะไร้สมดุลทางเศรษฐกิจและการเงินในอนาคต และอาจเป็นเหตุให้การคาดการณ์เงินเฟ้อระยะยาวเพิ่มขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ