ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของเฟดครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 17-18 ธ.ค.นั้น เฟดมีมติลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรรายเดือนลงเหลือ 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ จากระดับ 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยจะมีผลบังคับใช้ในเดือนม.ค. 2557 และหากเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้นกว่าที่เฟดคาดการณ์ไว้
นายโรเซนเกรนคือผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจลดขนาด QE ดังกล่าวของเฟด โดยเขาเชื่อว่า ขณะที่อัตราว่างงานยังคงอยู่ที่ระดับสูงและอัตราเงินเฟ้อต่ำกว่าเป้าหมายนั้น ยังเร็วเกินไปที่จะเปลี่ยนแปลงโครงการซื้อสินทรัพย์ดังกล่าว จนกว่าข้อมูลที่กำลังจะมีการเปิดเผยได้บ่งชี้อย่างชัดเจนมากขึ้นว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่ยั่งยืนเหนือศักยภาพ
นายโรเซนเกรนได้กล่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ในตลาดแรงงานปัจจุบันว่า เขาไม่เชื่อมั่นมากนักว่าตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่งตามที่ข้อมูลว่างงานบ่งชี้ ขณะที่มีรายงานอัตราว่างงานในเดือนพ.ย.อยู่ที่ 7% นั้น เขามองว่าตัวเลขดังกล่าวยังไม่สอดคล้องกับภาวะการจ้างงานอย่างเต็มที่ในสหรัฐตามที่เขาได้ประเมินไว้
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าประธานเฟดบอสตันได้กล่าวเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงในการยุติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจก่อนเวลาอันควร แต่นายโรเซนเกรนเน้นย้ำว่าเขามีมุมมองบวกเกี่ยวกับเศรษฐกิจ และระบุว่าเขากำลังเห็นสัญญาณบ่งชี้ทางเศรษฐกิจที่สอดคล้องกับการขยายตัวที่ 3%
นายโรเซนเกรนกล่าวว่า หากเศรษฐกิจเติบโตที่ 3% อัตราว่างงานก็น่าจะลดลง ขณะที่อัตราเงินเฟ้อควรจะเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป และภายใต้ภาวการณ์ดังกล่าว ก็นับเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลในการที่จะปรับลดมาตรการ QE อย่างช้าๆ