รายงานการประชุมเฟดเดือนธ.ค.ชี้จนท.ส่วนใหญ่หนุนชะลอการซื้อพันธบัตร

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday January 9, 2014 09:18 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

รายงานการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เมื่อวันที่ 17-18 ธ.ค.ระบุว่า เจ้าหน้าที่ของเฟดส่วนใหญ่เห็นพ้องกับการตัดสินใจที่จะเริ่มชะลอมาตรการซื้อพันธบัตร เนื่องจากคาดการณ์กันถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องและการปรับตัวดีขึ้นของตลาดแรงงาน

“เจ้าหน้าที่เฟดส่วนใหญ่เห็นพ้องว่าการปรับตัวดีขึ้นของภาวะตลาดแรงงาน และความเป็นไปได้ที่การปรับตัวดีขึ้นดังกล่าวจะมีความต่อเนื่องนั้นบ่งชี้ว่าคณะกรรมการอาจจะเริ่มชะลออัตราการซื้อสินทรัพย์อย่างเหมาะสมในการประชุมครั้งนี้" รายงานการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) ระบุ

เจ้าหน้าที่บางรายแสดงความวิตกเกี่ยวกับภาวะตึงตัวที่เกิดโดยไม่ตั้งใจของสถานการณ์ทางการเงิน หากมีการตีความว่าการปรับลดสัดส่วนการซื้อสินทรัพย์ดังกล่าวเป็นการส่งสัญญาณว่าเฟดมีแนวโน้มจะถอนมาตรการผ่อนคลายเชิงนโยบายอย่างรวดเร็วมากกว่าที่คาดการณ์กันไว้

เจ้าหน้าที่เฟดจำนวนมากมองว่าเฟดควรดำเนินการอย่างระมัดระวังในการดำเนินการครั้งแรกเพื่อลดขนาดการซื้อสินทรัพย์ และควรระบุว่าการปรับลดต่อไปจะมีการดำเนิน “ในขั้นตอนที่ระมัดระวัง"

นอกจากนี้ ยังมีการหารือกันเกี่ยวกับการส่งเสริมมาตรการสัญญาณชี้นำล่วงหน้า (Forward Guidance) เกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น

ขณะที่เจ้าหน้าที่บางรายระบุว่าการปรับลดเป้าอัตราว่างงานจาก 6.5% สู่ระดับ 6.0% อาจจะบ่งชี้อย่างมีประสิทธิภาพถึงเจตนารมณ์ของเฟดในการคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระยะดับต่ำเป็นระยะเวลานานนั้น เจ้าหน้าที่ FOMC ส่วนใหญ่เห็นพ้องกันที่จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ และต้องการเน้นย้ำว่าจะมีการคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำเป็นพิเศษ “จนผ่านพ้นช่วงเวลาที่อัตราว่างงานลดลงต่ำกว่า 6.5%" หากการคาดการณ์เงินเฟ้อยังคงทรงตัว

ส่วนประเด็นอัตราเฟ้อต่ำก็เป็นเรื่องที่สร้างความกังวลในการประชุมดังกล่าว ขณะที่เจ้าหน้าที่จำนวนมากมองว่าจำเป็นต้องจับตาความคืบหน้าด้านเงินเฟ้ออย่างระมัดระวังเพื่อประเมินความชัดเจนว่าเงินเฟ้อ ซึ่งได้ปรับตัวต่ำกว่าเป้าหมายที่ 2% อย่างต่อเนื่องนั้น จะเคลื่อนไหวกลับมาสู่เป้าหมายระยะยาวของเฟด

เฟดประกาศในแถลงการณ์ฉบับหนึ่งหลังการประชุมเมื่อเดือนธ.ค.ว่าจะเริ่มชะลอการซื้อพันธบัตรรัฐบาลและหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน (MBS) มาอยู่ที่ 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน จาก 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน

นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟดที่กำลังจะครบวาระได้กล่าวเมื่อต้นเดือนนี้ว่า การตัดสินใจของเฟด “ในการที่จะลดสัดส่วนการซื้อสินทรัพย์ลงเล็กน้อยในการประชุมเมื่อเดือนธ.ค.นั้น ไม่ได้บ่งชี้การปรับเปลี่ยนพันธสัญญาของเฟดในการคงนโยบายการเงินเชิงผ่อนคลายขนานใหญ่ตราบเท่าที่มีความจำเป็น"

“การตัดสินใจดังกล่าวสะท้อนถึงความคืบหน้าที่เราได้ดำเนินการเพื่อไปสู่ป้าหมายของการปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องของแนวโน้มตลาดแรงงาน" นายเบอร์นันเก้กล่าว

วาระการดำรงตำแหน่งสมัยที่ 2 ของนายเบอร์นันเก้จะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 ม.ค.นี้ และผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งประธานเฟดคนต่อไปก็คือ นางเจเน็ต เยลเลน ซึ่งได้ทำหน้าที่รองประธานเฟดมานับแต่ปี 2553 และจะกลายเป็นสตรีคนแรกในประวัติศาสตร์ 100 ปีของเฟดที่จะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดนี้

ทั้งนี้ เฟดจะมีการประชุมกำหนดนโยบายการเงินครั้งต่อไปในวันที่ 29-30 ม.ค. สำนักข่าวซินหัวรายงาน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ