ทั้งนี้ คณะกรรรมการกำหนดนโยบายการเงินทั้ง 9 คนของบีโอเจ มีมติเป็นเอกฉันท์ว่า บีโอเจจะเดินหน้าดำเนินการเพิ่มฐานเงินรายปีที่อัตรา 60-70 ล้านล้านเยน
บีโอเจระบุว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นกำลังเดินหน้าสู่การบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% แม้จะมีปัจจัยที่ไม่แน่นอนบางประการ ซึ่งรวมถึงความเป็นไปได้ที่อาจจะเกิดผลกระทบรุนแรงจากการปรับขึ้นภาษีการอุปโภคบริโภคในเดือนเม.ย. อีกทั้งสถานการณ์ตึงเครียดในยูเครน และการชะลอตัวของเศรษฐกิจในกลุ่มตลาดเกิดใหม่
แถลงการณ์ภายหลังการประชุมระบุว่า บีโอเจได้ปรับลดการประเมินตัวเลขส่งออก โดยระบุว่า "การส่งออกในช่วงที่ผ่านมาค่อนข้างทรงตัวจากจากการประเมินในเดือนที่แล้วซึ่งระบุว่า การส่งออกได้กระเตื้องขึ้นโดยทั่วไป"
อย่างไรก็ตาม บีโอเจได้ปรับเพิ่มการประเมินตัวเลขการลงทุนด้านทุนและผลผลิตภาคอุตสาหกรรม โดยระบุว่า "การกระเตื้องขึ้นของตัวเลขการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรของภาคธุรกิจนั้น มีความชัดเจนเพิ่มมากขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากผลกำไรภาคเอกชนที่ปรับตัวดีขึ้น และการผลิตก็ได้เพิ่มขึ้นในอัตราที่รวดเร็วมากขึ้น"
ในด้านตัวเลขเงินเฟ้อนั้น บีโอเจยังคงมุมมองเดิมว่า การปรับขึ้นของดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เมื่อเทียบรายปีนั้น มีแนวโน้มจะอยู่ที่ราว 1.25% สักระยะหนึ่ง แต่ตั้งข้อสังเกตว่า "ตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อโดยรวมดูเหมือนจะปรับตัวขึ้น"
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า นายฮารุฮิโกะ คูโรดะ ผู้ว่าการบีโอเจจะแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนในช่วงต่อไปของวันนี้