จับตาประชุมเฟด 17-18 มี.ค.นี้ คาดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยหลังตัวเลขจ้างงานแกร่ง

ข่าวเศรษฐกิจ Monday March 16, 2015 11:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักลงทุนในตลาดการเงินทั่วโลกต่างก็จับตาดูการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 17-18 มี.ค.นี้อย่างใกล้ชิด หลังจากมีกระแสคาดการณ์ว่า เฟดอาจจะส่งสัญญาณเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากข้อมูลแรงงานเดือนก.พ.ของสหรัฐออกมาแข็งแกร่งเกินคาด

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนก.พ.พุ่งขึ้น 295,000 ตำแหน่ง มากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 240,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราว่างงานเดือนก.พ. ลดลงแตะ 5.5% จากระดับ 5.7% ในเดือนม.ค.

ตัวเลขจ้างงานที่เพิ่มขึ้นเกินคาดนั้น สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง และอาจทำให้คณะกรรมการเฟดตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย.ปีนี้

นายคริสต์ โลว์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากเอฟทีเอ็น ไฟแนนเชียล กล่าวว่า "ตัวเลขจ้างงานของสหรัฐปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องในไตรมาสแรกปีนี้ ซึ่งแม้ว่าไม่ได้เพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 324,000 ตำแหน่ง/เดือนเหมือนกับในไตรมาส 4/2557 แต่การปรับตัวขึ้นโดยเฉลี่ย 252,000 ตำแหน่ง/เดือนนั้น ก็นับว่าแข็งแกร่งเพียงพอที่จะทำให้เฟดตัดสินใจคุมเข้มทางการเงิน แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อปรับตัวลดลงก็ตาม"

ด้านนายชินอิจิโระ คาโดตะ นักยุทธศาสตร์ด้านปริวรรตเงินตราต่างประเทศจากธนาคารบาร์เคลย์ส กล่าวว่า บรรดาผู้สังเกตการณ์ในตลาดต่างคาดการณ์ว่า ในการประชุมครั้งนี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดอาจจะเลิกใช้คำว่า "อดทน" ในการพิจารณากำหนดเวลาสำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย.นี้

ส่วนเมื่อเดือนที่แล้ว นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ส่งสัญญาณว่าเฟดอาจจะเปลี่ยนแถลงถ้อยคำในสัญญาณชี้นำล่วงหน้า (Forward Guidance) ด้วยการเลิกใช้คำว่า "อดทน" เมื่อพิจารณาเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หากภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ กระแสคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนั้น ส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ผลการสำรวจความคิดเห็นของประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน (CFO) ทั่วโลกซึ่งจัดทำโดย Duke University/CFO Magazine Global Business Outlook ระบุว่า ผู้บริหารส่วนใหญ่มองว่าการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐได้ส่งผลกระทบต่อผู้ส่งออกของประเทศ และอาจจะเป็นอุปสรรคต่อแผนการลงทุนของบริษัทในปีหน้า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ