รายงานการประชุมดังกล่าวมีการเปิดเผยในช่วงเวลาเดียวกับที่นายทาคาฮิเดะ คิอูชิ กรรมการบริหารของบีโอเจได้เสนอให้มีการลดขนาดการซื้อสินทรัพย์ลงมาอยู่ที่ราว 45 ล้านล้านเยนต่อปี ซึ่งขัดแย้งกับเสียงส่วนใหญ่ในที่ประชุมที่ต้องการให้เพิ่มฐานเงินที่อัตรา 80 ล้านล้านเยนต่อปี
ส่วนในเรื่องกิจกรรมทางเศรษฐกิจภายในประเทศนั้น สมาชิกบางรายของบีโอเจระบุว่า บริษัทเอกชนมีท่าที "ระมัดระวัง" เกี่ยวกับอุปสงค์ในต่างประเทศ ดังจะเห็นได้จากผลสำรวจความเชื่อมั่นทางธุรกิจของกลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่ของญี่ปุ่น (ทังกัน) ในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า สมาชิกอีกรายหนึ่งของบีโอเจระบุว่า การที่บีโอเจยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินขนานใหญ่อย่างต่อเนื่อง แม้แต่ในช่วงแรกที่มีการเพิ่มฐานเงิน 60-70 ล้านล้านเยนนั้น "อาจนำไปสู่ภาวะไร้เสถียรภาพทางเศรษฐกิจในระยะกลางถึงระยะยาว" เช่นอาจก่อให้เกิดภาวะไร้ดุลยภาพด้านการเงิน