ประธานเฟดบอสตันเตือนจับตาเหตุการณ์ต่างประเทศ หวั่นกระทบศก.สหรัฐ

ข่าวเศรษฐกิจ Friday July 10, 2015 23:05 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเอริค โรเซนเกรน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาบอสตัน กล่าวว่า เฟดจำเป็นต้องจับตาต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ และเป็นอุปสรรคต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้

ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทดิ่งลงอย่างหนักในช่วงต้นสัปดาห์นี้ ขณะที่นักลงทุนวิตกต่อวิกฤตหนี้กรีซ และการทรุดตัวของตลาดหุ้นจีน

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ประกาศปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลกในปีนี้สู่ระดับ 3.3% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เศรษฐกิจโลกหดตัวในปี 2009 โดยลดลง 0.2% เมื่อเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ในเดือนเม.ย.ที่ระดับ 3.5% และต่ำกว่าการขยายตัวในปีที่แล้วที่ 3.4%

นอกจากนี้ IMF ยังได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐในปีนี้ สู่ระดับ 2.5% จากเดิมที่คาดไว้ในเดือนเม.ย.ที่ 3.1%

นายโรเซนเกรนยังระบุว่า จนถึงในขณะนี้ ปัญหาที่เกิดขึ้นในภูมิภาคต่างๆทั่วโลกยังไม่ได้มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญที่จะทำให้มีการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ

เขากล่าวว่า ขณะที่เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้น อัตราเงินเฟ้อก็จะปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 2% ซึ่งเป็นเป้าหมายของเฟด ทำให้เป็นการเหมาะสมที่เฟดจะพิจารณาใช้นโยบายการเงินแบบปกติในปีนี้

อย่างไรก็ดี นายโรเซนเกรนย้ำว่า ก่อนที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เฟดจะต้องมั่นใจว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ เช่น วิกฤตหนี้ในกรีซ จะไม่เปลี่ยนแปลงแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ

นายโรเซนเกรนกล่าวก่อนหน้านี้ว่า เฟดอาจจะต้องชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไป เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์กำลังบั่นทอนการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐ

เขาแสดงความคิดเห็นว่า เศรษฐกิจของสหรัฐอาจจะไม่ได้ขยายตัวอย่างแข็งแกร่งมากนัก เมื่อพิจารณาถึงการเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยน โดยดอลลาร์ที่แข็งค่าได้ส่งผลกระทบต่อการผลิตและการส่งออก จนทำให้มีความเสี่ยงว่าเศรษฐกิจโดยรวมจะมีการเติบโตอย่างเชื่องช้า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ