กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานเมื่อวันศุกร์ที่แล้วว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 271,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2557 ขณะที่อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 5.0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 7 ปีครึ่ง หรือนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2551 จาก 5.1% ในเดือนก.ย.
ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า การจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 183,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. และอัตราการว่างงานจะอยู่ที่ระดับ 5.0%
กระแสคาดการณ์เรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดยังคงประเด็นที่ตลาดการเงินทั่วโลกจับตาดูอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดได้ออกมาส่งสัญญาณในเรื่องดังกล่าว โดยล่าสุดนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์กล่าวว่า เฟดควรออกจากนโยบายที่กำหนดให้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ใกล้ 0% เนื่องจากนโยบายดังกล่าวได้บรรลุผลส่วนใหญ่ตามที่ต้องการแล้ว
นายบูลลาร์ดยังกล่าวด้วยว่า อัตราว่างงานของสหรัฐซึ่งอยู่ที่ 5% ในขณะนี้ ถือว่าแทบไม่แตกต่างจากค่ากลางในการประเมินของเฟดในระยะยาวที่ระดับ 4.9% นอกจากนี้ นายบูลลาร์ดยังได้แสดงความต้องการที่จะกลับไปสู่นโยบายดุลยภาพที่เฟดใช้ในระหว่างปี 2527-2550 ซึ่งเกี่ยวข้องกับนโยบายการเงินที่ดี และการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระยะยาว รวมทั้งการมีอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าในปัจจุบัน
ขณะที่นายสแตนลีย์ ฟิสเชอร์ รองประธานเฟดประเมินว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายการเงินเดือนธ.ค. และคาดว่าเงินเฟ้อในสหรัฐน่าจะปรับตัวขึ้นในปีหน้า
รองประธานเฟดระบุว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะขึ้นอยู่กับประเด็นที่ว่าเศรษฐกิจปรับตัวอย่างไร เมื่อเจ้าหน้าที่เฟดประชุมกันในวันที่ 15-16 ธ.ค.นี้ นอกจากนี้ เขายังมีความเห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีการปรับตัวที่ค่อนข้างน่าพอใจ แม้ว่าเผชิญปัจจัยถ่วงจากดอลลาร์ที่แข็งค่าและเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอ