รายงานการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ซึ่งมีขึ้นเมื่อวันที่ 14-15 มี.ค.บ่งชี้ว่า เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายการเงินของ BOJ บางรายได้กล่าวเตือนถึงผลกระทบในเชิงลบจากอัตราดอกเบี้ยติดลบ โดยระบุถึงความวิตกกังวลของสถาบันการเงินและผู้ฝากเงิน
หลังจากที่นำนโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบมาใช้ในเดือนม.ค. เจ้าหน้าที่กำหนดนโบายการเงินกลุ่มนี้กล่าวว่า ธุรกิจขนาดใหญ่ไม่เข้าใจในนโยบายผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลาง ในขณะที่ตลาดขาดเสถียรภาพมากกว่าเดิมและมีการคาดการณ์กันอย่างมากว่าจะมีการใช้มาตรการผ่อนคลายเพิ่มเติม
สมาชิกบางรายในกลุ่มนี้ระบุเพิ่มเติมว่า นโยบายใหม่ไม่ได้ทำให้เกิดผลตามที่ตั้งใจในการปรับสมดุล ซึ่งภาคธนาคารจะต้องหาสินทรัพย์และโอกาสในการปล่อยเงินกู้ที่มีความเสี่ยงมากขึ้น เพื่อชดเชยการสูญเสียรายได้จากอัตราดอกเบี้ย ในขณะที่สินทรัพย์ทางเลือกภายในประเทศมีอยู่อย่างจำกัด
อย่างไรก็ดี สมาชิกบางรายได้ปกป้องนโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบ โดยระบุว่า การแข็งค่าของเงินสกุลเยนซึ่งส่งผลให้ตลาดหุ้นโตเกียวปรับตัวลดลงนั้นไม่ได้มีสาเหตุมาจากนโยบายดังกล่าว แต่เกิดจากการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงของนักลงทุนทั่วโลก พร้อมกับเสริมว่า ผลกระทบในเชิงบวกจากอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงจะส่งผลให้ตลาดโลกมีเสถียรภาพมากขึ้น
ในส่วนของเงินเฟ้อ ซึ่งยังคงอยู่ที่ระดับต่ำกว่าเป้าหมายของ BOJ ที่ 2.0% อย่างมากนั้น สมาชิกบางรายระบุว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคจะไม่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเร็วอย่างที่ได้คาดไว้เนื่องจากความอ่อนแอของเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภคของญี่ปุ่น ซึ่งไม่นับรวมราคาอาหารสด ปรับตัวลดลง 0.3% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบกับปีก่อน และเป็นการปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน อันเนื่องมาจากราคาพลังงานที่ร่วงลง สำนักข่าวเกียวโดรายงาน