ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองการคาดการณ์ GDP Now แสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัว 2.9% ในไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว หลังจากมีการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงาน, การค้าระหว่างประเทศ และยอดสั่งซื้อภาคโรงงานในวันนี้
การขยายตัวที่ระดับ 2.9% อยู่ในระดับเดียวกับตัวเลขคาดการณ์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 156,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. ขณะที่อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.7% หลังร่วงลงสู่ระดับ 4.6% ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 9 ปี
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 178,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. และอัตราการว่างงานจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.7%
กระทรวงแรงงานสหรัฐระบุว่า ภาคเอกชนมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 144,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. ขณะที่ภาครัฐจ้างงานเพิ่มขึ้น 12,000 ตำแหน่ง
กระทรวงแรงงานสหรัฐยังได้ทบทวนปรับเพิ่มตัวเลขการจ้างงานในเดือนพ.ย. โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 204,000 ตำแหน่ง จากที่มีการรายงานก่อนหน้านี้ว่าเพิ่มขึ้น 178,000 ตำแหน่ง และทบทวนปรับลดตัวเลขการจ้างงานในเดือนต.ค. โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 135,000 ตำแหน่ง จากที่มีการรายงานก่อนหน้านี้ว่าเพิ่มขึ้น 142,000 ตำแหน่ง
ขณะเดียวกัน ตัวเลขรายได้ต่อชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน ซึ่งเป็นข้อมูลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนธ.ค. หลังจากลดลง 0.1% ในเดือนพ.ย.
ส่วนตัวเลขอัตราการเข้าสู่ตลาดแรงงานของสหรัฐ ซึ่งแสดงสัดส่วนของกำลังแรงงานต่อจำนวนประชากรทั้งหมด เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 62.7% ในเดือนธ.ค.
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานวันนี้ว่า ตัวเลขการขาดดุลการค้าของสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือนในธ.ค. โดยมีการนำเข้าน้ำมัน และสินค้าจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น ขณะที่การส่งออกลดลงเป็นเดือนที่ 2
ทั้งนี้ สหรัฐมีตัวเลขขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้น 6.8% ในเดือนธ.ค. สู่ระดับ 4.52 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.
สหรัฐส่งออกสินค้าและบริการลดลง 0.2% สู่ระดับ 1.224 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนธ.ค. ขณะที่นำเข้าสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น 1.1% สู่ระดับ 2.311 แสนล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐดิ่งลง 2.4% ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2015 หลังจากเพิ่มขึ้น 2.8% ในเดือนต.ค.
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานจะลดลง 2.2% ในเดือนพ.ย.
ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐร่วงลงในเดือนพ.ย. หลังจากเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 4 เดือน
การดิ่งลงของยอดสั่งซื้อภาคโรงงานมีสาเหตุจากอุปสงค์ที่ลดลงในคำสั่งซื้อเครื่องบินพาณิชย์
อย่างไรก็ดี ยอดสั่งซื้อสินค้าทุนพื้นฐาน ที่ไม่รวมหมวดอาวุธและเครื่องบิน เพิ่มขึ้น 0.9% ในเดือนพ.ย. โดยยอดสั่งซื้อดังกล่าวได้รับการจับตาว่าเป็นมาตรวัดความเชื่อมั่น และแผนการใช้จ่ายในภาคธุรกิจ