นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการแถลงรอบครึ่งปีต่อสภาคองเกรสเมื่อวานนี้ "การรอเป็นเวลานานเกินไปเพื่อปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย จะเป็นการไม่ฉลาด ขณะที่เศรษฐกิจยังคงมีการขยายตัว และเงินเฟ้อดีดตัวขึ้น" นางเยลเลนกล่าวต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันนี้ ก่อนที่จะกล่าวต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในวันพรุ่งนี้
"การรอนานเกินไปเพื่อยกเลิกนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย จะทำให้เฟดต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้น ซึ่งจะเสี่ยงต่อการกระทบตลาดการเงิน และฉุดเศรษฐกิจให้เข้าสู่ภาวะถดถอย" ประธานเฟดกล่าว"ในการประชุมครั้งต่อๆไป คณะกรรมการเฟดจะประเมินดูว่าการจ้างงานและเงินเฟ้อยังคงปรับตัวสอดคล้องกับการคาดการณ์หรือไม่ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น การปรับอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นต่อไปก็จะมีความเหมาะสม"ส่วนในประเด็นเศรษฐกิจนั้น นางเยลเลนกล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัวปานกลาง ขณะที่ตลาดแรงงานแข็งแกร่ง
"เศรษฐกิจมีการขยายตัวปานกลาง ท่ามกลางตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง และเงินเฟ้อกำลังปรับตัวขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปสู่ระดับเป้าหมายของเฟดที่ 2%" นางเยลเลนกล่าวต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันนี้ ก่อนที่จะกล่าวต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในวันพรุ่งนี้
นางเยลเลนยังระบุว่า ความเชื่อมั่นในภาคธุรกิจกำลังปรับตัวดีขึ้น แต่ภาคการผลิตได้ถูกกระทบจากการแข็งค่าของดอลลาร์
นอกจากนี้ นางเยลเลนกล่าวว่า ตนเห็นพ้องในหลักการเกี่ยวกับการออกคำสั่งของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เกี่ยวกับการปฏิรูปทางการเงิน
ทั้งนี้ ทำเนียบขาวเปิดเผยเมื่อวันที่ 3 ก.พ.ว่า ปธน.ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีเพื่อยกเครื่องกฎระเบียบทางการเงินของสหรัฐ
คำสั่งประธานาธิบดีฉบับนี้เสนอแนวทางปฏิบัติและหลักการสำหรับกฎระเบียบระบบการเงิน และมอบหมายให้รัฐมนตรีกระทรวงการคลังทบทวนกฏหมายดอดด์-แฟรงค์ ซึ่งเป็นกฏหมายที่รัฐบาลของประธานาธิบดีบารัค โอบามา เคยใช้กู้วิกฤตการณ์ทางการเงินในอดีต
กฎหมายฉบับนี้มีใจความหลักอยู่ที่การเพิ่มความเข้มงวดในการทำธุรกรรมทางการเงินในด้านต่างๆ เช่น การปล่อยสินเชื่อ การเปิดเผยข้อมูลกองทุนเฮดจ์ฟันด์ การลงทุนของกลุ่มสถาบันการเงิน รวมถึงการทำธุรกรรมอนุพันธ์
นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังลงนามในคำสั่งอีกฉบับให้กระทรวงแรงงานทบทวนกฎข้อบังคับการออมเงินเพื่อวัยเกษียณ ซึ่งผลักดันโดยรัฐบาลในสมัยปธน.บารัค โอบามา ซึ่งแต่เดิมกฎข้อบังคับนี้จะมีผลบังคับใช้ในเดือนเม.ย.
ระเบียบดังกล่าวกำหนดให้เหล่าที่ปรึกษาด้านการวางแผนเพื่อวัยเกษียณนั้นถือเอาผลประโยชน์ของลูกค้าเป็นสำคัญ ซึ่งมีเป้าหมายที่จะป้องกันไม่ให้ผู้เกษียณอายุถูกชักชวนให้ทำแผนการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงโดยไม่จำเป็น โดยหวังทำรายได้ให้แก่ที่ปรึกษาเอง