ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) พร้อมด้วยคณะกรรมาธิการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์สหรัฐ (CFTC), สำนักงานตรวจสอบการชำระบัญชีเพื่อการซื้อขายค่าเงิน และคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) ได้ร่วมกันเสนอให้มีการผ่อนคลายกฎโวล์คเกอร์ (Volcker Rule) ซึ่งเป็นกฎระเบียบที่ห้ามไม่ให้ภาคธนาคารทำธุรกรรมที่มีความเสี่ยงสูง
แถลงการณ์ของเฟดระบุว่า "นับตั้งแต่หน่วยงานของรัฐบาลกลางทั้ง 5 แห่งได้บังคับใช้กฎโวล์คเกอร์เมื่อเดือนธ.ค. 2556 สิ่งที่ปราฏให้เห็นก็คือว่า ความซับซ้อนของกฎโวล์คเกอร์ได้ก่อให้เกิดความไม่แน่นอนสำหรับบริษัทเอกชนที่ต้องดำเนินการตามกฎดังกล่าว"
ทั้งนี้ เฟดระบุว่า การเสนอให้มีการผ่อนคลายกฎโวล์คเกอร์นั้น มีเป้าหมายที่จะลดความซับซ้อนของกฎดังกล่าว ด้วยการตัด หรือปรับเปลี่ยนข้อกำหนดบางอย่างที่ไม่จำเป็น เพื่อให้การบังคับใช้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยและความแข็งแกร่งของภาคธนาคาร
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า แถลงการณ์ของเฟดยังระบุด้วยว่า หนึ่งในกฎเกณฑ์ที่เสนอให้มีการเปลี่ยนแปลงนั้น จะช่วยปรับข้อกำหนดต่างๆของกฎโวล์คเกอร์ให้มีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น โดยพิจารณาบนพื้นฐานของขนาดทรัพย์สินและหนี้สินในธุรกิจเทรดดิ้งของธนาคารพาณิชย์ โดยจะมีการใช้กฎระเบียบที่เข้มงวดที่สุดกับธนาคารที่มีการทำธุรกรรมเทรดดิ้งมากที่สุด กฎโวล์คเกอร์ ซึ่งตั้งชื่อตามนามสกุลของนายพอล โวล์คเกอร์ อดีตประธานเฟดนั้น มีเนื้อหาที่อิงกับกฎหมายดอดด์-แฟรงค์ ซึ่งเป็นกฎหมายปฏิรูปการเงินที่ได้รับอนุมัติจากประธานาธิบดีบารัค โอบามา เมื่อเดือนก.ค. 2553 เพื่อห้ามไม่ให้ภาคการธนาคารทำธุรกรรมที่มีความเสี่ยงสูง หรือที่เรียกว่าการกำกับดูแลบัญชีซื้อขายของบริษัทธนาคารเอง (Proprietary Trading)