สำนักข่าวเกียวโดรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) อาจจะปรับลดคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อสำหรับระยะเวลา 3 ปีจนถึงปีงบประมาณ 2563 ในสัปดาห์หน้า เนื่องจากราคาผู้บริโภคอ่อนแรงลงอย่างมาก
แหล่งข่าวระบุว่า กรรมการ BOJ อาจจะปรับลดคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อสำหรับปีงบประมาณ 2561 ลงมาอยู่ที่ระดับ 1% จากที่เคยคาดการณ์ไว้ในเดือนเม.ย.ที่ระดับ 1.3% ขณะเดียวกันคาดว่า BOJ จะปรับลดคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อสำหรับปีงบประมาณ 2562 ลงสู่ระดับ 1.5% จากระดับ 1.8% และจะปรับลดคาดการณ์เงินเฟ้อสำหรับปีงบประมาณ 2563 ลงเช่นกัน โดยคาดว่าจะขยายตัวเพียง 1.8%
ทั้งนี้ คาดว่าคณะกรรมการกำหนดนโยบายของ BOJ จะปรับเปลี่ยนตัวเลขคาดการณ์ดังกล่าว ในรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจรายไตรมาสซึ่งจะมีการเปิดเผยภายหลังการประชุมระยะเวลา 2 วันซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันที่ 31 ก.ค.ที่จะถึงนี้
อัตราเงินเฟ้อทั่วประเทศของญี่ปุ่นยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 2% ซึ่งเป็นระดับเป้าหมายที่ BOJ พยายามจะทำให้สำเร็จมาเป็นเวลากว่า 5 ปี ภายใต้การบริหารของนายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการ BOJ โดยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พื้นฐาน ขยับขึ้นเพียง 0.8% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งหมายความว่า การผ่อนคลายนโยบายการเงินของ BOJ นั้น จะยังคงต้องใช้เวลาต่อไปอีก แม้ว่า BOJ ถูกกดดันให้พยายามลดผลกระทบในด้านลบ อาทิเช่น กำไรของธนาคารพาณิชย์ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำมาก และปัจจัยในตลาดหุ้นที่ถูกบิดเบือนไป อันเนื่องมาจากการที่ BOJ เข้าซื้อกองทุน ETF จำนวนมาก
สำหรับการประชุมในสัปดาห์หน้า คาดว่า BOJ จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ -0.1% และจะมีมติคงวงเงินซื้อพันธบัตรรัฐบาล เพื่อให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อระยะยาว เคลื่อนไหวที่ระดับ 0%