"พาวเวล"ส่งสัญญาณเฟดขึ้นดอกเบี้ยค่อยเป็นค่อยไป ขณะเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว

ข่าวเศรษฐกิจ Friday August 24, 2018 21:52 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวในวันนี้ว่า เขาคาดว่าเฟดจะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป และอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เฟดมองหาจุดสมดุลในการสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และการป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจร้อนแรงจนเกินไป

"ตามที่รายงานการประชุมของเฟดระบุไว้ ถ้าหากว่ารายได้และการจ้างงานยังคงมีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง การปรับขึ้นเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยของเฟดอย่างค่อยเป็นค่อยไปถือว่ามีความเหมาะสม" นายพาวเวลระบุในการกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของเฟด ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันนี้

นายพาวเวลยังกล่าวแสดงความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจสหรัฐ และคาดว่าเฟดจะสามารถควบคุมเงินเฟ้อ

นายพาวเวลระบุว่า เศรษฐกิจมีความแข็งแกร่ง และเงินเฟ้อกำลังเข้าใกล้เป้าหมาย 2% ของเฟด ขณะที่การจ้างงานอยู่ในระดับสูง

นายพาวเวลคาดการณ์ว่า การใช้จ่ายที่แข็งแกร่งของภาคครัวเรือน, ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจ, การสร้างงานในระดับสูง, รายได้ที่เพิ่มขึ้น และการที่รัฐบาลใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ จะช่วยหนุนให้เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัวที่สดใสต่อไป

เนื้อหาในสุนทรพจน์ของนายพาวเวลส่วนใหญ่เป็นการกล่าวถึงการดำเนินการของเฟดในช่วงที่เงินเฟ้อพุ่งขึ้นในทศวรรษ 1970 ซึ่งเฟดได้เรียนรู้ว่าจะต้องดำเนินการอย่างรอบคอบเพื่อให้มั่นใจว่าเงินเฟ้อและอัตราว่างงานจะอยู่ในระดับที่เหมาะสม

อย่างไรก็ดี ในการกล่าวสุนทรพจน์วันนี้ นายพาวเวลไม่ได้ระบุถึงการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ต่อนโยบายปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด

ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า เขาไม่ปลื้มต่อการที่นายพาวเวลปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และเขาจะวิพากษ์วิจารณ์เฟดต่อไป หากเฟดยังคงเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

เฟดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 5 ครั้งนับตั้งแต่ที่นายทรัมป์เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนม.ค.ปีที่แล้ว เทียบกับที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้งในสมัยของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา

นอกจากนี้ เฟดได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ และยังส่งสัญญาณปรับขึ้นอีก 2 ครั้งก่อนสิ้นปีนี้ รวมทั้งมีแนวโน้มปรับขึ้นอีก 3 ครั้งในปีหน้า

ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์กังวลว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะส่งผลให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ซึ่งจะกระทบต่อการส่งออกของสหรัฐ และทำให้สหรัฐขาดดุลการค้ามากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ปธน.ทรัมป์ให้ความสนใจ และเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาเปิดฉากทำสงครามการค้ากับประเทศคู่ค้าในระยะนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ