นายโยอาคิม เวอร์เมลลิ่ง หนึ่งในกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางเยอรมนี หรือบุนเดสแบงก์ เตือนว่า สถาบันการเงินจำนวนมากของเยอรมนีมีความพร้อมในการป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ไม่เพียงพอ
"แน่นอนว่า สถาบันการเงินทุกแห่งมีระบบป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ในปัจจุบัน แต่ก็ยังไม่สมบูรณ์" นายเวอร์เมลลิ่งกล่าวกับหนังสือพิมพ์ฟุงเคอมีเดียกรุ๊ป
ขณะเดียวกันนายเวอร์เมลลิ่งได้เรียกร้องให้นายธนาคารเร่งการพัฒนา โดยพิจารณาถึงแนวโน้มเสี่ยงทางไซเบอร์ที่อุตสาหกรรมการเงินต้องเผชิญมากขึ้น
"ทุกธนาคารจำต้องปรับรูปแบบธุรกิจของพวกเขาเข้าหาความเป็นจริงของโลกดิจิทัลยุคใหม่" นายเวอร์เมลลิ่งกล่าว
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า แม้จะส่งสัญญาณเตือนถึงความเสี่ยงเหล่านี้ แต่นายเวอร์เมลลิ่งมองว่าสถานการณ์โดยรวมของภาคธนาคารเยอรมนีในช่วง 10 ปีหลังวิกฤติการเงินปี 2551 นั้นมีแนวโน้มในเชิงบวก
นายเวอร์เมลลิ่งให้เหตุผลว่า "การกำกับดูแลได้มีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาเชิงบวกนี้ เรามีการใช้กฎระเบียบที่เข้มงวดทั่วโลก และแนะนำการกำกับดูแลธนาคารและกระบวนการล้มละลายที่ดีขึ้นในยูโรโซน"
นอกเหนือจากความปลอดภัยทางไซเบอร์แล้ว นายเวอร์เมลลิ่งยังระบุว่า ค่าใช้จ่ายที่สูงและเงินกู้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ระดับสูงในสมาชิกยูโรโซนบางประเทศนั้น ถือเป็นจุดที่สถาบันการเงินยังคงปรับปรุงได้เพื่อให้แน่ใจถึงเสถียรภาพที่มากขึ้น
ทั้งนี้ นายเวอร์เมลลิ่งเน้นว่า ธนาคารพาณิชย์ในสหภาพยุโรป (EU) ยังคงทำงานอย่างหนักท่ามกลางแรงกดดันของวิกฤติหนี้สาธารณะในภูมิภาค นอกจากนี้ ยังเผชิญกับการแข่งขันที่เสียเปรียบต่อคู่แข่งจากสหรัฐซึ่งเป็นประเทศที่รัฐบาลตอบสนองวิกฤตการเงินได้อย่างรวดเร็ว