ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ได้เปิดเผยผลการทดสอบภาวะวิกฤต (stress test) เมื่อคืนนี้ โดยมีเนื้อหาว่า ระบบธนาคารของอังกฤษจะเอาตัวรอดจากผลกระทบของการที่อังกฤษถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป หรือ Brexit ได้ แม้ในกรณีที่ร้ายแรงที่สุด
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ข้อความดังกล่าวมาจากผลการทดสอบสถาบันการเงินรายใหญ่ๆของอังกฤษ โดยได้ดำเนินการทดสอบก่อนหน้านี้ และได้รับการเผยแพร่โดยคณะกรรมการด้านนโยบายทางการเงิน (FPC) ของแบงก์ชาติอังกฤษเมื่อคืนนี้
ผลการทดสอบดังกล่าวอยู่ในรายงานเสถียรภาพทางการเงิน (FSR) ประจำเดือนพ.ย. ของคณะกรรมการด้านนโยบายทางการเงิน
สำหรับการทดสอบภาวะวิกฤตประจำปี 2561 นี้ ธนาคารกลางอังกฤษได้ทำการประเมินโดยจำลองสถานการณ์ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของอังกฤษปรับตัวลดลง 4.75% อัตราว่างงานปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะ 9.5% ราคาอสังหาริมทรัพย์ร่วงลง 33% และอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ร่วงลง 40%
นอกจากนี้ ยังได้จำลองกรณีที่เงินปอนด์อ่อนค่าลง 27% เงินเฟ้อปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะ 4% และ GDP โลกปรับตัวลดลง 2.4%
รายงานดังกล่าวระบุว่า สถาบันการเงินทั้ง 7 แห่งผ่านการทดสอบภาวะวิกฤตได้ทั้งหมด ซึ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่ได้เริ่มทำการทดสอบภาวะวิกฤตเมื่อปี 2551 สืบเนื่องมาจากวิกฤติการเงิน
การทดสอบภาวะวิกฤตได้ประเมินผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกตกต่ำ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ร้ายแรงต่อเศรษฐกิจอังกฤษมากกว่าผลกระทบจากการที่อังกฤษถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปอย่างไม่เป็นระเบียบ (Disorderly Brexit) แม้ในกรณีที่ร้ายแรงที่สุด โดยธนาคารกลางอังกฤษได้เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมในประเด็นนี้ไปแล้วก่อนหน้านั้น
นายมาร์ค คาร์นีย์ ผู้ว่าการ BoE แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนขณะเปิดตัวรายงาน FSR ว่า Brexit เป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลมากที่สุดในแง่ของเศรษฐกิจ
"ตามที่ผลการทดสอบภาวะวิกฤตนี้แสดงให้เห็น ระบบการเงินของเรามีความแข็งแกร่ง โดยธนาคารรายใหญ่ ๆ ต่างมีอัตราส่วนเงินกองทุนมากกว่าช่วงก่อนวิกฤติการเงินถึง 3.5 เท่า" นายคาร์นีย์กล่าว
ผู้ว่าการ BoE กล่าวเสริมว่า "เมื่อเปรียบเทียบกับผลการทดสอบภาวะวิกฤตปี 2561 แล้ว ทางคณะกรรมการ FPC เชื่อว่า ระบบธนาคารของสหราชอาณาจักรมีความแข็งแกร่งมากพอที่จะรองรับ... ในกรณีที่เกิดการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปอย่างไม่เป็นระเบียบ"