นายแรนดัล คาร์ลส์ รองประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า การทดสอบภาวะวิกฤต (stress test) ของธนาคารสหรัฐที่จะดำเนินการในช่วง"เฉพาะกาล"ในปีนี้นั้น จะช่วยให้เฟดสามารถตัดสินใจได้ว่า จะทำการเปลี่ยนแปลงอย่างใดเป็นการถาวรกับการทดสอบภาวะวิกฤตที่มีการติดตามกันอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ นายคาร์ลส์กล่าวว่า "ความท้าทายของเราในขณะนี้คือการรักษาความแข็งแกร่งของการทดสอบ ในขณะที่ทำการปรับปรุงประสิทธิภาพ ความโปร่งใส และการบูรณาการให้เข้ากับกรอบการกำกับดูแลด้านกฏระเบียบหลังเกิดวิกฤต"
"ประสบการณ์ของเราจากปี"เฉพาะกาล"นี้ จะบ่งชี้ถึงการเปลี่ยนไปเป็นการทดสอบที่ยาวนานขึ้นอย่างถาวร - แน่นอนว่า การเปลี่ยนแปลงจะต้องได้รับการแจ้งให้ทราบอย่างสมบูรณ์และผ่านกระบวนการแสดงความคิดเห็น" นายคาร์ลส์กล่าว
ถ้อยแถลงของรองประธานเฟดมีขึ้นหลังจากที่เฟดได้เปิดเผยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า เฟดจะทำการทดสอบภาวะวิกฤตสำหรับธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ในปีนี้ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้เกิดความโปร่งใสมากขึ้น โดยเฟดได้ให้ข้อมูลเพิ่มขึ้นอย่างมากต่อบรรดาสถาบันการเงินเกี่ยวกับวิธีการดำเนินงานของธนาคารภายใต้แนวโน้มที่อาจจะเกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจ โดยการเปลี่ยนแปลงต่างๆ มีเป้าหมายเพื่อตอบรับต่อการร้องเรียนของธนาคารต่างๆ มานานแล้วว่า กระบวนการทดสอบภาวะวิกฤตในปัจจุบันนั้นยุ่งยากและไม่ชัดเจน
ทั้งนี้ ธนาคารต่างๆ ที่มีความซับซ้อนน้อยกว่าโดยมีสินทรัพย์ระหว่าง 1-2.50 แสนล้านดอลลาร์ อาทิ ธนาคารซันทรัสต์ แบงก์และธนาคารฟิฟธ์ เธิร์ด บันคอร์ป จะไม่ต้องเผชิญกับการทดสอบภาวะวิกฤติในปีนี้ เนื่องจากเฟดจะใช้รอบระยะเวลา 2 ปีสำหรับการทดสอบธนาคารเหล่านั้น
การทดสอบภาวะวิกฤตในปีนี้จะรวมถึงปัจจัยอัตราการว่างงานที่พุ่งขึ้นจากปัจจุบันที่ระดับ 4% เป็น 10% ตลอดจนภาวะตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในด้านสินเชื่อภาคธุรกิจและตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ในสถานการณ์ที่รุนแรงที่สุดด้วย
ทั้งนี้ การทดสอบภาวะวิกฤติเป็นเหตุการณ์สำคัญประจำปีสำหรับธนาคารขนาดใหญ่ เนื่องจากธนาคารเหล่านั้นจะไม่สามารถกระจายเงินทุนผ่านเงินปันผล การซื้อคืนหุ้น หรือการลงทุนอื่นๆ หากไม่ผ่านการทดสอบของเฟด