นายราฟาเอล บอสติค ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา กล่าวว่า การเปิดเผยตัวเลขยอดค้าปลีก และการผลิตในภาคอุตสาหกรรมที่น่าผิดหวัง ไม่ได้เป็นสิ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอตัวมากกว่าที่คาดไว้
"ผมยังไม่เห็นข้อมูลที่บ่งชี้ว่าเราจะอยู่ที่ระดับแนวโน้ม หรือต่ำกว่า และขณะนี้เศรษฐกิจก็อาจปรับตัวสูงกว่าแนวโน้มในปีนี้ โดยอาจอยู่ในช่วง 2.3-2.5% ซึ่งแม้ต่ำกว่าระดับในปีที่แล้ว แต่ก็ยังคงสูงกว่าระดับศักยภาพ ซึ่งอยู่ต่ำกว่า 2%" นายบอสติคกล่าว
ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่เฟดคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจะชะลอตัวลงในปีนี้ เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งได้รับการกระตุ้นจากการใช้จ่ายของรัฐ และมาตรการปรับลดอัตราภาษี
นายบอสติคยืนยันว่า แม้มีการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนแอ แต่เขาก็ยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงมุมมองของตนเอง หรือการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหนึ่งครั้งในปีนี้
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกดิ่งลง 1.2% ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2552 ซึ่งขณะนั้นเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวจากภาวะถดถอย
นักวิเคราะห์คาดว่ายอดค้าปลีกจะเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนธ.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนพ.ย.
การทรุดตัวของยอดค้าปลีกในเดือนธ.ค.ได้รับผลกระทบจากการปรับตัวลงของยอดขายในสินค้าทุกหมวด
นอกจากนี้ เฟดรายงานว่า การผลิตในภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐปรับตัวลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ค.ปีที่แล้ว โดยได้รับผลกระทบจากการร่วงลงของการผลิตรถยนต์ และเครื่องจักร
เฟดเปิดเผยว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐร่วงลง 0.6% ในเดือนม.ค.
ทั้งนี้ การผลิตภาคอุตสาหกรรมเป็นการวัดการปรับตัวของภาคการผลิต, เหมืองแร่ และสาธารณูปโภค