นายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาดัลลัส กล่าวว่า เขากำลังจับตาดูอย่างระมัดระวังต่อความตึงเครียดทางการค้าที่เพิ่มขึ้นระหว่างสหรัฐและจีน
"ผมคิดว่าเราจะต้องใช้ความอดทนในการพิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงหลายเดือนและหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยสิ่งที่เราไม่รู้คือ เรื่องนี้จะดำเนินต่อไปนานแค่ไหน และจะลุกลามไปไกลแค่ไหน และภาษีเหล่านี้จะอยู่กับเรานานเพียงใด"
"ภาวะการค้าได้สร้างความไม่แน่นอนต่อภาคธุรกิจ ซึ่งถ้าสถานการณ์นี้ดำเนินต่อไปอย่างยาวนาน ก็จะมีผลกระทบต่อภาคธุรกิจ" นายแคปแลนกล่าว
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังของจีนแถลงในวันนี้ว่า จีนจะเพิ่มการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% จากเดิมที่ระดับ 10% โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มิ.ย.
สินค้าในภาคเกษตรของสหรัฐจะได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการขึ้นภาษีในครั้งนี้ หลังจากที่ถูกกระทบก่อนหน้านี้จากการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยรายการสินค้าที่จะถูกเรียกเก็บภาษีเพิ่มขึ้น รวมถึง ถั่ว น้ำตาล ข้าวสาลี ไก่ และไก่งวง
การที่จีนประกาศเพิ่มการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐในวันนี้ ถือเป็นการตอบโต้สหรัฐ ซึ่งได้เพิ่มการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% จากเดิมที่ระดับ 10% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว