ประธานเฟดบอสตันคัดค้านการลดดอกเบี้ย หวั่นเกิดปัญหาหนี้สินตามมา

นายเอริค โรเซนเกรน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาบอสตัน เปิดเผยว่า ตนไม่สนับสนุนให้เฟดปรับลดดอกเบี้ย เพราะการปรับลดดอกเบี้ยอาจทำให้เกิดปัญหาหนี้สินตามมา และเศรษฐกิจสหรัฐเองก็ยังอยู่ในระดับที่ไม่น่าเป็นห่วงมาก จึงไม่จำเป็นต้องปรับลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

ประธานเฟดบอสตัน เปิดเผยว่า การปรับลดดอกเบี้ยนั้นเสี่ยงทำให้ประชาชนแห่กู้เงินจนทำให้เกิดปัญหาหนี้สินตามมา ซึ่งจะทำให้สถานการณ์ยุ่งยากขึ้นไปอีกหากเศรษฐกิจอยู่ในช่วงขาลง โดยขณะนี้ยังไม่เห็นความจำเป็นที่เฟดจะต้องดำเนินการเพิ่มเติม

ถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้น หลังเฟดมีมติ 8-2 เสียงในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 2.00-2.25% ในการประชุมครั้งล่าสุด ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้ โดยกรรมการ 2 รายที่คัดค้านการปรับลดดอกเบี้ยคือเอสเธอร์ แอล จอร์จ และเอริค เอส โรเซนเกรน ซึ่งกรรมการทั้ง 2 คนได้สนับสนุนให้เฟดคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 2.25-2.50%

ล่าสุดเมื่อวานนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทวีตข้อความเรียกร้องให้เฟด ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 1% และรื้อฟื้นโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)

ก่อนหน้านี้ ปธน.ทรัมป์ ได้เคยแสดงความไม่พอใจที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ไม่ได้ส่งสัญญาณว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกในอนาคต หลังจากที่ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 2.00-2.25% ในการประชุมวันที่ 30-31 ก.ค.

ทั้งนี้ นายพาวเวลจะกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิ่ง ในวันที่ 23 ส.ค. เวลา 10.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 21.00 น.ตามเวลาไทย

นักวิเคราะห์ระบุว่า นายพาวเวลจะใช้เวทีการประชุมดังกล่าว เพื่อส่งสัญญาณถึงทิศทางอัตราดอกเบี้ย ขณะที่มีการคาดการณ์ว่า นายพาวเวลจะส่งสัญญาณว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย.

ขณะนี้ ตลาดการเงินเพิ่มคาดการณ์สู่ระดับเกือบ 100% ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.

ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่า มีโอกาสสูงถึง 95% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 17-18 ก.ย. จากระดับ 84.6% ก่อนหน้านี้