"ทรัมป์"ทวีตโจมตี"พาวเวล"รายวัน ชี้เฟดเป็นสิ่งเดียวที่ขัดขวางเศรษฐกิจสหรัฐ

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday August 21, 2019 21:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความในวันนี้ ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่ง และสิ่งเดียวที่กำลังขัดขวางการขยายตัวของสหรัฐคือธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังเปรียบเทียบนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด เหมือนกับ"นักกอล์ฟที่พัทท์ลูกไม่เป็น"

"เรากำลังไปได้ดีกับการเจรจาการค้ากับจีนและประเทศอื่น เรามีปัญหาอย่างเดียวคือนายเจอโรม พาวเวล และเฟด เขาเหมือนนักกอล์ฟที่พัทท์ลูกก็ยังไม่เป็น ซึ่งถ้าเขาทำในสิ่งที่ถูกต้องคือการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงให้มาก เศรษฐกิจสหรัฐก็จะขยายตัวอย่างมาก แต่อย่าไปหวังอะไรกับเขามากนัก โดยที่ผ่านมา เขาได้ดำเนินการผิดพลาด และทำให้เราผิดหวัง ขณะนี้ เรากำลังแข่งขันกับหลายประเทศ ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าเรา ทั้งๆที่เราควรมีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าพวกเขา และเมื่อวานนี้ ดอลลาร์ได้พุ่งแตะระดับสูงสุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐ แม้ไม่มีเงินเฟ้อ เฟดควรตื่นขึ้นได้แล้ว ขณะที่สหรัฐมีศักยภาพที่จะขยายตัวมากกว่าที่เคยเห็นในอดีต" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ

อย่างไรก็ดี ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่า ข้อความในทวิตเตอร์ที่ว่า "เมื่อวานนี้ ดอลลาร์ได้พุ่งแตะระดับสูงสุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐ" ปธน.ทรัมป์ได้อ้างอิงจากแหล่งข้อมูลใด เนื่องจากขณะนี้ดอลลาร์ดีดตัวขึ้น 2.1% หากนับตั้งแต่ต้นปีนี้ เมื่อเทียบกับสกุลเงินของประเทศคู่แข่ง แต่ดอลลาร์ได้เคยพุ่งขึ้นมากกว่านี้ในเดือนก.ค. นอกจากนี้ ดอลลาร์ได้แข็งค่าขึ้นเทียบยูโรในระยะนี้ แต่ก็ยังต่ำกว่าระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ทำไว้ก่อนหน้านี้

เมื่อวันจันทร์ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความเรียกร้องให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ย 1% และรื้อฟื้นโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)

"เศรษฐกิจของเรามีความแข็งแกร่งอย่างมาก แม้ว่านายเจอโรม พาวเวล และเฟดจะขาดวิสัยทัศน์อย่างน่าวิตก ขณะที่พรรคเดโมแครตกำลังพยายามทำให้เศรษฐกิจแย่เพื่อหวังผลในการเลือกตั้งปีหน้า นี่เป็นการเห็นแก่ตัวอย่างมาก ส่วนค่าเงินดอลลาร์ของเราก็มีความแข็งแกร่งมากจนส่งผลกระทบต่อภูมิภาคอื่นของโลก" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ

ก่อนหน้านี้ ปธน.ทรัมป์ได้เคยแสดงความไม่พอใจที่นายพาวเวลไม่ได้ส่งสัญญาณว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกในอนาคต หลังจากที่เฟดได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 2.00-2.25% ในการประชุมวันที่ 30-31 ก.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ