ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนธ.ค.ในวันนี้ โดยระบุว่า กรรมการส่วนใหญ่มองว่า BOJ ควรผ่อนคลายนโยบายการเงินโดยไม่ลังเลหากพิจารณาแล้วเห็นว่าจำเป็น โดยยังต้องจับตาสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
รายงานประชุมระบุว่า กรรมการบางคนมองว่า BOJ ควรต้องวิเคราะห์ผลกระทบของนโยบายต่างๆ เพื่อประเมินว่า BOJ จะสามารถบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อได้อย่างไร ขณะที่กรรมการอีกจำนวนหนึ่งกล่าวว่า เป็นเรื่องเหมาะสมที่จะต้องประเมินมาตรการต่างๆ ของ BOJ บนพื้นฐานที่ว่า BOJ จะยังคงดำเนินกรอบนโยบายในปัจจุบันต่อไป
กรรมการส่วนใหญ่ของ BOJ กล่าวว่า BOJ ต้องหาแนวทางในการทำให้การซื้อกองทุน ETF มีความยืดหยุ่นมากขึ้นในขณะที่ BOJ ดำเนินนโยบายผ่อนคลายการเงินแบบพิเศษมาเป็นเวลานาน ขณะเดียวกันมีกรรมการคนหนึ่งกล่าวว่า การซื้อกองทุน ETF ของ BOJ นั้น มีความยืดหยุ่นอยู่แล้ว แต่ควรต้องหาแนวทางใหม่ๆ เพิ่มเติม
นอกจากนี้ รายงานการประชุมยังระบุว่า กรรมการหลายคนกล่าวว่า BOJ ต้องเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับความท้าทายต่างๆ ที่จะมีต่อเศรษฐกิจ ราคา และสถานการณ์ด้านการเงิน โดยต้องเป็นมาตรการรับมือที่มีประสิทธิภาพ ในขณะที่มีกรรมการอีกหลายคนกล่าวว่า การกระตุ้นศักยภาพในการทำกำไรของบริษัทขนาดเล็กและขนาดกลางผ่านทางการสนับสนุนให้ใช้ระบบดิจิทัลนั้น ถือเป็นสิ่งสำคัญในการสนับสนุนเศรษฐกิจญี่ปุ่นให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง
สำหรับการประชุมซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 17-18 ธ.ค.ที่ผ่านมานั้น BOJ มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ -0.1% และคงเป้าหมายอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีไว้ที่ระดับราว 0% นอกจากนี้ BOJ ยังได้ขยายโครงการเพื่อสนับสนุนการระดมเงินทุนให้กับภาคเอกชนออกไปอีก 6 เดือนจนถึงสิ้นเดือนก.ย.ปี 2564 เนื่องจากโรคโควิด-19 ที่กลับมาแพร่ระบาดอีกครั้งนั้น ทำให้เศรษฐกิจเผชิญกับความไม่แน่นอน