สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่สองในวันพุธ (27 ส.ค.) โดยตลาดยังคงได้ปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับความเป็นอิสระของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สั่งปลดลิซา คุก สมาชิกคณะกรรมการผู้ว่าการเฟด ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 15.60 ดอลลาร์ หรือ 0.45% ปิดที่ 3,448.60 ดอลลาร์/ออนซ์
ราคาทองคำได้รับปัจจัยหนุนจากแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากปธน.ทรัมป์สั่งปลดลิซา คุก ออกจากตำแหน่งสมาชิกคณะกรรมการผู้ว่าการเฟด โดยอ้างว่าเธอมีพฤติกรรมฉ้อโกงด้วยการให้ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับการกู้เงินเพื่อซื้อที่อยู่อาศัย ขณะที่ทนายความของคุกเตรียมยื่นฟ้องต่อศาล เพื่อขอให้ศาลมีคำตัดสินที่ยืนยันว่าเธอยังคงสามารถปฏิบัติหน้าที่ในฐานะสมาชิกคณะผู้ว่าการเฟดที่ได้รับการรับรองจากวุฒิสภา
ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวของปธน.ทรัมป์สะท้อนให้เห็นว่าเขากำลังยกระดับการโจมตีความเป็นอิสระของเฟด หลังจากเฟดปฏิเสธที่จะลดอัตราดอกเบี้ยตามความต้องการของเขา อย่างไรก็ดี กฎหมายว่าด้วยธนาคารกลางสหรัฐ ระบุว่า ประธานาธิบดีสามารถปลดผู้ว่าการเฟดก็ต่อเมื่อ "มีเหตุผลอันควร" เท่านั้น ซึ่งบ่งชี้ว่าคำสั่งของปธน.ทรัมป์ในการปลดลิซา คุก อาจจะต้องต่อสู้กันในชั้นศาล
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ มีกำหนดเปิดเผยดัชนี PCE ในวันศุกร์นี้ โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ และคาดว่าอาจจะบ่งชี้ถึงทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี PCE จะเพิ่มขึ้น 2.6% ในเดือนก.ค. หลังจากที่ปรับตัวขึ้น 2.6% ในเดือนมิ.ย.เช่นกัน
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 87% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.00-4.25% ในการประชุมเดือนก.ย.