สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเพียงเล็กน้อยในวันพฤหัสบดี (25 ก.ย.) หลังสหรัฐฯ เปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจและแรงงานที่แข็งแกร่ง ซึ่งทำให้นักลงทุนลดความคาดหวังที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ในวันนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยเฟด
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 3 ดอลลาร์ หรือ 0.08% ปิดที่ 3,771.10 ดอลลาร์/ออนซ์
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 14,000 ราย สู่ระดับ 218,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 20 ก.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 235,000 ราย
ด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยการประมาณการครั้งที่ 3 ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 2/2568 โดยระบุว่า GDP ขยายตัว 3.8% ในไตรมาสดังกล่าว สูงกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 ที่ระดับ 3.0% และ 3.3% ตามลำดับ เนื่องจากความแข็งแกร่งของการใช้จ่ายผู้บริโภคและการลงทุนในภาคเอกชน
เครื่องมือ FedWatch ของ CME บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 83.4% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนต.ค. ซึ่งลดลงจากระดับ 92% ในวันพุธ
ปีเตอร์ แกรนท์ นักกลยุทธ์ด้านโลหะจากบริษัท Zaner Metals กล่าวว่า ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานที่ลดลงมากกว่าคาด ได้ทำให้นักลงทุนลดความคาดหวังที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม แต่ข้อมูลดังกล่าวยังไม่มากพอที่จะเปลี่ยนแปลงแนวโน้มโดยรวมของราคาทองคำ ส่วนความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดในระยะสั้นสำหรับทองคำคือความร้อนแรงของตัวเลขดัชนี PCE โดยหากดัชนี PCE ออกมาสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ก็อาจทำให้สกุลเงินดอลลาร์แข็งค่า และเป็นปัจจัยฉุดราคาทองคำชั่วคราว
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี PCE ทั่วไป (Headline PCE) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะปรับตัวขึ้น 2.7% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายปี หลังจากที่เพิ่มขึ้น 2.6% ในเดือนก.ค. และคาดว่าดัชนี PCE พื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะปรับตัวขึ้น 2.9% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายปี หลังจากที่เพิ่มขึ้น 2.9% เช่นเดียวกันในเดือนก.ค.
ทั้งนี้ ดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)