สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันจันทร์ (29 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะเดินหน้าปรับลดอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่หน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ จะถูกปิดทำการ (ชัตดาวน์) และสถานการณ์ตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ ยังทำให้นักลงทุนแห่ซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 46.2 ดอลลาร์ หรือ 1.21% ปิดที่ 3,855.20 ดอลลาร์/ออนซ์
นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในการประชุมเดือนต.ค.และเดือนธ.ค. หลังสหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ที่สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
นักลงทุนจับตาการหารือระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กับแกนนำทั้งสี่ของสภาคองเกรสที่ทำเนียบขาวในวันนี้ (30 ก.ย.) ตามเวลาไทย เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงวิกฤติชัตดาวน์ โดยแกนนำทั้งสี่คนได้แก่ ไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฎร, ฮาคีม เจฟฟรีส์ ผู้นำเสียงข้างน้อยในสภาผู้แทนราษฎร, จอห์น ธูน ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภา และชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภา
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ระบุว่า ทางกระทรวงจะไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ หากสมาชิกสภาคองเกรสไม่สามารถตกลงกันเกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณเพื่อหลีกเลี่ยงชัตดาวน์ได้ก่อนกำหนดเส้นตายในช่วงเที่ยงคืนของวันที่ 30 ก.ย.ตามเวลาสหรัฐ (ตรงกับเวลา 11.00 น.ของวันที่ 1 ต.ค.ตามเวลาไทย) โดยข้อมูลเศรษฐกิจที่จะได้รับผลกระทบได้แก่ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานซึ่งมีกำหนดเผยแพร่ในวันที่ 2 ต.ค., ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่มีกำหนดเผยแพร่ในวันที่ 3 ต.ค. และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่มีกำหนดเผยแพร่ในวันที่ 15 ต.ค.
สถานการณ์ตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ยังคงเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย โดยประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ของยูเครน เปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ว่า รัสเซียได้ทำการโจมตียูเครนอย่างต่อเนื่องนานกว่า 12 ชั่วโมง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 4 ราย บาดเจ็บอีก 40 ราย ซึ่งการโจมตีระลอกนี้ประกอบด้วยโดรนรบเกือบ 500 ลำ และขีปนาวุธกว่า 40 ลูก รวมถึงขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง Kinzhal เป็นเหตุให้โครงสร้างพื้นฐานของพลเรือนทั่วประเทศได้รับความเสียหายอย่างหนัก โดยเฉพาะโรงงานผลิตขนมปัง โรงงานยางรถยนต์ และอาคารบ้านเรือนของประชาชน
สำนักข่าวทาสส์ของทางการรัสเซียรายงานว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ลงนามในกฤษฎีกาเพื่อเกณฑ์ทหารจำนวน 135,000 นายสำหรับช่วงฤดูใบไม้ร่วง โดยการเกณฑ์ทหารในครั้งนี้จะรวมถึงชาวรัสเซียที่มีอายุระหว่าง 18-30 ปี และจะดำเนินไปตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมจนถึงสิ้นปีนี้