สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ (3 ต.ค.) ใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์ติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 7 โดยได้รับแรงหนุนจากความกังวลที่เพิ่มขึ้นต่อผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ยืดเยื้อ และจากความคาดหวังว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 40.80 ดอลลาร์ หรือ 1.05% ปิดที่ 3,908.90 ดอลลาร์/ออนซ์
นักวิเคราะห์รายหนึ่งกล่าวว่า ยิ่งรัฐบาลปิดทำการนาน ก็ยิ่งเป็นปัจจัยบวกที่ต่อเนื่องต่อตลาดทองคำ แต่หากมีข้อตกลงเซอร์ไพรส์ตลาดในช่วงสุดสัปดาห์เพื่อเปิดทำการรัฐบาลขึ้นมาใหม่ ก็น่าจะเป็นปัจจัยลบต่อราคาทองคำ
วุฒิสภาสหรัฐฯ จะลงมติอีกครั้งในสองแผนของพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันเพื่อต่อสู้กันในการยุติการปิดหน่วยงานรัฐบาลที่เข้าสู่วันที่สามแล้ว แม้ยังไม่มีสัญญาณว่าแผนใดจะได้รับเสียงสนับสนุนเพียงพอ
รายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ซึ่งเดิมมีกำหนดเผยแพร่ในวันศุกร์ถูกเลื่อนออกไป ส่งผลให้นักลงทุนหันไปพึ่งตัวชี้วัดอื่น ๆ ที่บ่งชี้ว่าตลาดแรงงานเริ่มชะลอตัว และยังคงหนุนความคาดหวังเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้
บรรดานักลงทุนประเมินว่า มีโอกาส 97% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนต.ค.นี้ และ 85% ที่จะลดอีกครั้งในเดือนธ.ค. ตามข้อมูลจากเครื่องมือ FedWatch ของ CME Group
ทองคำซึ่งมักถูกใช้เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงที่มีความไม่แน่นอนนั้น ให้ผลตอบแทนที่ดีในสภาพแวดล้อมที่ดอกเบี้ยต่ำ และจนถึงขณะนี้ราคาทองปรับเพิ่มขึ้นแล้วกว่า 47%
ยูบีเอสระบุในรายงานคาดว่า ราคาทองจะปรับตัวขึ้นไปแตะ 4,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เนื่องจากต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองลดลงจากอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงในสหรัฐฯ ที่ปรับตัวลง ขณะที่แนวโน้มการอ่อนค่าต่อเนื่องของดอลลาร์สหรัฐก็เป็นแรงหนุนอีกประการหนึ่งสำหรับราคาทองคำ