ราคาทองฟิวเจอร์พุ่งขึ้นกว่า 60 ดอลลาร์ ทะลุระดับ 4,000 ดอลลาร์ ขณะที่นักลงทุนพากันเข้าซื้อทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าครั้งใหม่ระหว่างสหรัฐและจีน หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ แสดงความไม่พอใจต่อการที่รัฐบาลจีนประกาศมาตรการควบคุมการส่งออกเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการผลิตแร่หายาก
นอกจากนี้ ราคาทองยังได้รับแรงหนุนจากคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนต.ค.และธ.ค. หลังสหรัฐเผชิญภาวะชัตดาวน์ รวมทั้งการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่อ่อนแอของสหรัฐ
ณ เวลา 22.48 น.ตามเวลาไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. บวก 62.10 ดอลลาร์ หรือ 1.56% สู่ระดับ 4,034.70 ดอลลาร์/ออนซ์
ปธน.ทรัมป์ยังได้ขู่ยกเลิกการประชุมทวิภาคีกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ที่มีกำหนดจัดขึ้นนอกรอบการประชุมสุดยอดกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก หรือเอเปก (APEC) ที่เมืองคยองจู ประเทศเกาหลีใต้ ในวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย. รวมทั้งสหรัฐอาจปรับเพิ่มอัตราภาษีศุลกากรครั้งใหญ่ต่อสินค้านำเข้าจากจีน
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์จีนประกาศมาตรการควบคุมการส่งออกเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการผลิตแร่หายากเมื่อวานนี้ (9 ต.ค.) โดยมีผลบังคับใช้ทันที
แถลงการณ์ระบุว่า องค์กรและบุคคลต่างชาติจะต้องได้รับใบอนุญาตส่งออกสินค้าที่ใช้ได้สองทาง (Dual-use Items) หรือ DUI ก่อนที่จะส่งออกสินค้าบางประเภทที่เกี่ยวข้องกับแร่หายากไปยังประเทศและภูมิภาคภายนอกประเทศจีน
ทั้งนี้ DUI คือสินค้าที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ทั้งในเชิงพาณิชย์และทางทหาร ซึ่งรวมถึงซอฟต์แวร์และเทคโนโลยี คอมพิวเตอร์ศักยภาพสูง โดรน และสารเคมีบางประเภท
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวสะท้อนถึงความพยายามของจีนในการรักษาความมีอำนาจเหนือกว่าในอุตสาหกรรมแร่หายาก ท่ามกลางการแข่งขันด้านการค้าและเทคโนโลยีที่รุนแรงกับสหรัฐ