ราคาทองฟิวเจอร์ยังคงปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 4,000 ดอลลาร์ในวันนี้ ขานรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ณ เวลา 22.10 น.ตามเวลาไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. บวก 10.00 ดอลลาร์ หรือ 0.25% สู่ระดับ 4,010.70 ดอลลาร์/ออนซ์
ทั้งนี้ เฟดมีมติ 10-2 ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 3.75-4.00% ในการประชุมวานนี้ ตามการคาดการณ์ของตลาด
อย่างไรก็ดี ราคาทองปรับตัวขึ้นอย่างจำกัดในวันนี้ โดยถูกกระทบจากการแข็งค่าของดอลลาร์ ซึ่งจะลดความน่าดึงดูดของทอง ทำให้สัญญาทองมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
นอกจากนี้ นักลงทุนวิตกต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ หลังนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด เตือนว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.ยังคงมีความไม่แน่นอน
นักลงทุนพากันลดน้ำหนักต่อคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. หลังจากนายพาวเวลกล่าววานนี้ว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.ยังคงมีความไม่แน่นอน เนื่องจากการปิดหน่วยงานรัฐบาล หรือชัตดาวน์ ทำให้การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจได้หยุดชะงักลง
ทั้งนี้ นายพาวเวลกล่าวว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมนั้นยังไม่ใช่สิ่งที่รับประกันว่าจะเกิดขึ้น เนื่องจากเฟดได้รับผลกระทบจากการปิดหน่วยงานรัฐบาล ซึ่งทำให้รายงานเศรษฐกิจบางส่วนหยุดชะงักลง และเจ้าหน้าที่เฟดทั้ง 19 รายในคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ยังคงมีความเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย
'เรายังคงมีความเห็นที่แตกต่างกันอย่างมากเกี่ยวกับแนวทางที่จะดำเนินต่อไปในการประชุมครั้งหน้าในเดือนธันวาคม และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมนั้น "ไม่ใช่สิ่งที่แน่นอน" เรายังห่างไกลจากคำนั้นมาก' นายพาวเวลกล่าว
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 68.8% ต่อคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนธ.ค. จากเดิมที่ให้น้ำหนัก 85.2% ก่อนการกล่าวถ้อยแถลงของนายพาวเวล
นอกจากนี้ นักลงทุนให้น้ำหนัก 31.2% ต่อคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. จากเดิมที่ให้น้ำหนักเพียง 3.0%
ตลาดจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ในวันพรุ่งนี้ โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)