สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเล็กน้อยในวันอังคาร (11 พ.ย.) หลังจากดีดตัวขึ้นใกล้แตะระดับ 4,130 ดอลลาร์ในระหว่างวัน อันเนื่องมาจากความหวังที่ว่าการปิดหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ หรือชัตดาวน์ จะยุติลง ซึ่งจะทำให้มีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ ก่อนการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในเดือนธ.ค. โดยตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 5.7 ดอลลาร์ หรือ 0.14% ปิดที่ 4,116.30 ดอลลาร์/ออนซ์
แม้ราคาทองคำปิดตลาดอ่อนแรงลง แต่นักวิเคราะห์มีมุมมองบวกว่าราคาทองคำยังคงมีแนวโน้มที่แข็งแกร่ง โดยนักวิเคราะห์จาก UBS คาดการณ์ว่า ความต้องการทองคำทั้งในปีนี้และปีหน้าจะพุ่งแตะระดับที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่ปี 2554 เนื่องจากความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทั้งในด้านการเมืองและในตลาดการเงินจะเป็นปัจจัยหนุนความต้องการซื้อทองคำ และจะผลักดันราคาทองคำพุ่งขึ้นสู่เป้าหมายของ UBS ที่ระดับ 4,700 ดอลลาร์/ออนซ์
วุฒิสภาสหรัฐฯ ลงมติผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวเพื่อยุติการชัตดาวน์ที่ยืดเยื้อยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ และขณะนี้ได้ส่งเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร โดยหากสภาผู้แทนราษฎรให้การอนุมัติร่างกฎหมายดังกล่าว ก็จะส่งต่อไปยังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมาย
ทั้งนี้ นักลงทุนคาดหวังว่าการที่หน่วยงานของรัฐบาลกลับมาเปิดทำการอีกครั้ง จะทำให้มีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ เพื่อช่วยให้เฟดมีแนวทางในการตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย
นักวิเคราะห์จาก Kitco Metals กล่าวว่า นักลงทุนต่างก็เชื่อว่าทางการสหรัฐฯ จะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ และจะทำให้เฟดตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในการประชุมเดือนธ.ค.
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดนั้น ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) เปิดเผยว่า ภาคเอกชนสหรัฐฯ ลดการจ้างงานเฉลี่ย 11,250 ตำแหน่งในช่วง 4 สัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 25 ต.ค. โดยเนลา ริชาร์ดสัน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ ADP กล่าวว่า ตัวเลขดังกล่าวบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานประสบปัญหาในการสร้างงานในช่วงครึ่งหลังของเดือน
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า สำนักสถิติแรงงานสหรัฐฯ จะรายงานว่า การจ้างงานนอกภาคเกษตรลดลง 60,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. อย่างไรก็ดี รายงานดังกล่าวยังไม่ถูกเผยแพร่ เนื่องจากหน่วยงานรัฐบาลยังคงถูกชัตดาวน์