นักวิเคราะห์จากเจพี มอร์แกน เชส ซึ่งเป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐ คาดการณ์ว่า ราคาทองจะพุ่งทะลุ 5,000 ดอลลาร์/ออนซ์ภายในไตรมาส 4 ของปี 2569 โดยได้แรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางและผู้บริโภคเป็นผู้ซื้อสำคัญในช่วงที่ราคาทองอ่อนตัวลง
ส่วนธนาคาร ANZ ระบุในรายงานว่า ราคาทองคำได้ทะลุผ่านแนวต้านที่ระดับ 4,050 ดอลลาร์/ออนซ์ ทำให้มีแนวต้านถัดไปที่ระดับ 4,160-4,170 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งหากราคาทองทะลุผ่านช่วงนี้ได้ ก็จะมีโอกาสพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4,381 ดอลลาร์/ออนซ์
ราคาทองพุ่งขึ้นมากกว่า 57% นับตั้งแต่ต้นปี 2568 โดยแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4,381.21 ดอลลาร์/ออนซ์เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม ส่งผลให้ทองเป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนในปีนี้มากกว่าการลงทุนในหุ้น บิตคอยน์ น้ำมัน และดอลลาร์สหรัฐ โดยได้ปัจจัยบวกจากความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ ความกังวลทางเศรษฐกิจ นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และแนวโน้มการลดการพึ่งพาสกุลเงินดอลลาร์ รวมทั้งการไหลเข้าของเงินลงทุนเข้าสู่กองทุน ETF ทอง