สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ขยับลง 1.5 ดอลลาร์ หรือ 0.11% ปิดที่ 1,311 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 4.9 เซนต์ หรือ 0.25% ปิดที่ 19.941 ดอลลาร์/ออนซ์
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ปรับตัวลง 3.2 ดอลลาร์ หรือ 0.22% ปิดที่ 1,478.3 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 4.45 ดอลลาร์ หรือ 0.5% ปิดที่ 860.50 ดอลลาร์/ออนซ์
บรรยากาศการซื้อขายในตลาดทองคำถูกปกคลุมด้วยความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองทั่วโลกที่กำลังคุกรุ่น รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจ โดยสัญญาทองคำปรับตัวสูงขึ้นในช่วงเปิดตลาด จากข่าวที่ว่าสหรัฐได้เริ่มโจมตีทางอากาศต่อกลุ่มติดอาวุธในอิรัก โดยในช่วงแรกของการซื้อขาย ราคาทองปรับตัวขึ้นแตะ 1,324.30 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่กลางเดือนก.ค.
อย่างไรก็ตาม ราคาทองปรับตัวลดลงในเวลาต่อมา หลังจากที่มีการเปิดเผยข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าผลิตภาพแรงงานของธุรกิจสหรัฐดีดตัวขึ้น โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ผลิตภาพแรงงานในภาคธุรกิจนอกภาคการเกษตรของสหรัฐเพิ่มขึ้น 2.5% ในไตรมาส 2 ของปี 2557 ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์โดยเฉลี่ยของนักวิเคราะห์ ด้านต้นทุนแรงงานต่อ 1 หน่วยการผลิตเพิ่มขึ้น 0.6% ในช่วงเดียวกัน
นอกจากนี้ หุ้นสหรัฐที่ดีดตัวสูงขึ้นในวันศุกร์ก็ได้สร้างแรงกดดันให้ราคาทองคำเช่นกัน โดยดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น 185.66 จุด หรือ 1.13% จากที่ปรับตัวลงในการซื้อขายช่วงเช้า และดัชนี S&P500 ปิดบวก 1.15% เนื่องจากนักลงทุนคลายกังวล ภายหลังมีข่าวว่ารัสเซียได้ยุติการฝึกปฏิบัติการทางทหารใกล้กับยูเครน ซึ่งนับเป็นสัญญาณถึงสถานการณ์ตึงเครียดที่ลดลงระหว่างสองประเทศ
ทั้งนี้ นักลงทุนส่วนหนึ่งขายทองในยามที่เกิดความไม่แน่นอนต่างๆ เพราะเชื่อว่าทองคำจะมีมูลค่าสูงกว่าสินทรัพย์อื่นๆ
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจสหรัฐที่ส่งสัญญาณดีขึ้นนั้นทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐอาจเริ่มใช้นโยบายการเงินแบบเข้มงวด เช่น การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ ซึ่งส่งผลให้ราคาทองกลับมาปรับตัวลดลง เนื่องจากทองคำจะมีความน่าดึงดูดลดน้อยลงเมื่ออัตราดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้น