สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (14 เม.ย.) หลังสกุลเงินดอลลาร์ได้แข็งค่าขึ้น โดยปกติแล้ว ทองและดอลลาร์จะเคลื่อนตัวในทิศทางตรงข้ามกัน ซึ่งหมายความว่าหากดอลลาร์ปรับตัวขึ้น สัญญาทองก็จะปรับตัวลง เนื่องจากทอง ซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์ จะมีราคาแพงขึ้นสำหรับนักลงทุน
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.ลดลง 21.8 ดอลลาร์ หรือ 1.75% ปิดที่ 1,226.50 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค.ลดลง 15.2 เซนต์ หรือ 0.93% ปิดที่ 16.173 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค.ลดลง 10.1 ดอลลาร์ หรือ 1.01% ปิดที่ 992.90 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 18.40 ดอลลาร์ หรือ 3.4% ปิดที่ 560.90 ดอลลาร์/ออนซ์
ราคาทองคำได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นมาตรวัดค่าเงินดอลลาร์เทียบกับเงินสกุลหลักในตะกร้าเงิน ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.4% แตะ 94.82
นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังได้รับแรงกดดันจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐ นักวิเคราะห์กล่าวว่า นักลงทุนจะเข้ามาถือครองโลหะมีค่าหากตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวลดลง เนื่องจากเป็นทรัพย์สินที่มีความปลอดภัย แต่ในทางตรงกันข้าม นักลงทุนจะลดการถือครองหากตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวขึ้น
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ แม้ธนาคารยักษ์ใหญ่เปิดเผยผลประกอบการซบเซา เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจอยู่ในระดับที่ดีกว่าคาดการณ์
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งใหม่ลดลงเกินคาดในสัปดาห์ที่แล้ว
ทั้งนี้ กระทรวงระบุว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 13,000 ราย สู่ระดับ 253,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 9 เม.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 1973