ราคาทองฟิวเจอร์ย่อตัวลงในวันนี้เป็นวันที่ 2 สวนทางตลาดหุ้นที่ทะยานขึ้น หลังความไม่แน่นอนทางการเมืองในอังกฤษเริ่มคลี่คลายลง ขณะที่การคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางชั้นนำของโลกจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็ได้ส่งผลให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการที่อังกฤษถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)
ณ เวลา 21.07 น.ตามเวลาไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเลกทรอนิกส์ ร่วงลง 13.70 ดอลลาร์ หรือ 1.01% สู่ระดับ 1,342.90 ดอลลาร์/ออนซ์
นักวิเคราะห์คาดว่า แนวรับเส้นต่อไปจะอยู่ที่ระดับ 1,340 ดอลลาร์
ราคาทองได้พุ่งขึ้นราว 100 ดอลลาร์นับตั้งแต่ที่สหราชอาณาจักรลงประชามติออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)
ดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น จะลดความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
ดอลลาร์พุ่งขึ้นกว่า 1% ใกล้แตะระดับ 104 เยน ขานรับข่าวที่ว่ารัฐบาลญี่ปุ่นกำลังเตรียมจัดทำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ณ เวลา 19.35 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์ทะยานขึ้น 1.07% สู่ระดับ 103.89 เยน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 24 มิ.ย. ซึ่งเป็นวันประกาศผลการลงประชามติที่บ่งชี้ว่าอังกฤษถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ขณะที่ยูโรพุ่งขึ้น 1.43% สู่ระดับ 115.26 เยน และแข็งค่า 0.34% สู่ระดับ 1.1094 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลบ 0.27% สู่ระดับ 96.294 ขณะเดียวกัน ความคืบหน้าทางการเมืองในอังกฤษ ก็ได้ช่วยหนุนความต้องการถือสินทรัพย์เสี่ยง โดยนางเทเรซา เมย์ รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยของสหราชอาณาจักร ในฐานะหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยมคนใหม่ และว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอังกฤษ เตรียมเข้าทำหน้าที่แทนนายเดวิด คาเมรอน ซึ่งประกาศว่าจะลาออกจากตำแหน่งในวันพรุ่งนี้ นายคาเมรอนกล่าวว่า เขาจะเข้าประชุมสภาผู้แทนราษฎรเป็นครั้งสุดท้ายในวันพรุ่งนี้ ก่อนที่จะเดินทางไปเข้าเฝ้าสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบ็ธที่ 2 เพื่อยื่นจดหมายลาออกจากตำแหน่ง ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะจัดการประชุมนโยบายการเงินในวันพฤหัสบดีที่ 14 ก.ค.นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า BoE อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย หรืออาจเพิ่มวงเงินการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) โดยมีเป้าหมายเพื่อรับมือกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นหลังจากที่อังกฤษได้ลงประชามติแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์มองว่า มีโอกาสมากกว่า 70% ที่ BoE จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับ 0.25% จากปัจจุบันที่ระดับ 0.5% และคาดว่าจะเพิ่มวงเงิน QE ขึ้นจากปัจจุบันที่ระดับ 3.75 แสนล้านปอนด์
นอกจากนี้ นักลงทุนยังคาดว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะผ่อนคลายนโยบายการเงินในการประชุมปลายเดือนนี้ด้วย