สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเกือบ 3% เมื่อคืนนี้ (15 ธ.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมล่าสุด นอกจากนี้ การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์และข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ยังส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ร่วงลง 33.9 ดอลลาร์ หรือ 2.91% ปิดที่ระดับ 1,129.80 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 1.26 ดอลลาร์ หรือ 7.3% ปิดที่ 15.958 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ร่วงลง 47.2 ดอลลาร์ หรือ 5.02% ปิดที่ 893.60 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.ดิ่งลง 26.90 ดอลลาร์ หรือ 3.7% ปิดที่ 705.65 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำร่วงลงหลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟดมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอีก 0.25% สู่ระดับ 0.50-0.75% พร้อมกับส่งสัญญาณว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีหน้า ครั้งละ 0.25% โดยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป
การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังสร้างแรงกดดันต่อตลาดทองคำ เนื่องจากทำให้สัญญาทองคำมีราคาที่ไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ
นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐยังกดดันให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 4,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 254,000 ราย ซึ่งลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 255,000 ราย
ขณะที่สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านพุ่งขึ้น 7 จุด แตะระดับ 70 จุดในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 11 ปี