สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (10 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเดินหน้าเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงติดต่อกัน 2 วันทำการ
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 60 เซนต์ หรือเกือบ 0.1% ปิดที่ 1,185.50 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 29 พ.ย.2559
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 16.5 เซนต์ หรือ 0.99% ปิดที่ 16.848 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 20 เซนต์ หรือ 0.02% ปิดที่ 982.80 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.พุ่งขึ้น 8.10 ดอลลาร์ หรือ 1.1% ปิดที่ 765.25 ดอลลาร์/ออนซ์
นักลงทุนยังเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ ภายหลังจากราคาน้ำมันดิบร่วงลงอีกกว่า 2% ขณะที่นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ จะเปิดการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเป็นครั้งแรกในวันพุธที่ 11 ม.ค.ตามเวลาสหรัฐ
อย่างไรก็ตาม แรงบวกของสัญญาทองคำได้ถูกสกัดลงในระหว่างวัน เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ส่งผลให้ทองคำมีราคาที่ไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐยังทำให้นักลงทุนชะลอแรงซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งประจำเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 1.0% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2014 และบ่งชี้ว่าการลงทุนในสินค้าคงคลังได้ช่วยหนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 4 ของปีที่แล้ว ขณะที่สหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติสหรัฐ (NFIB) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมพุ่งขึ้น 7.4 จุด สู่ระดับ 105.8 ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 12 ปี และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 99.6 ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ภาวะธุรกิจจะสดใสขึ้น ภายใต้การบริหารประเทศของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ