สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (10 ก.พ.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์และตลาดหุ้นนิวยอร์กที่พุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์นั้น ได้กดดันให้นักลงทุนเทขายทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ลดลง 90 เซนต์ หรือ 0.07% ปิดที่ระดับ 1,235.90 ดอลลาร์/ออนซ์ ขณะที่ทั้งสัปดาห์ พุ่งขึ้น 1.2%
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 19.2 เซนต์ หรือ 1.08% ปิดที่ 17.933 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.ลดลง 10.50 ดอลลาร์ หรือ 1.03% ปิดที่ 1,011.70 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.พุ่งขึ้น 10.55 ดอลลาร์ หรือ 1.4% ปิดที่ 783.10 ดอลลาร์/ออนซ์
ภาวะการซื้อขายทองคำในวันศุกร์ได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และการที่หุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นคึกคัก โดยนักลงทุนลดการถือครองทองคำหลังจากดัชนีหลักทั้งสามดัชนีของตลาดหุ้นนิวยอร์กทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ติดต่อกันเป็นวันที่สอง ขานรับข่าวที่ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมประกาศแผนการปรับลดภาษีครั้งใหญ่ในช่วง 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า
นอกจากนี้ การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังส่งผลให้นักลงทุนเทขายทองคำ เพราะเมื่อดอลลาร์แข็งค่า จะส่งผลให้สัญญาทองคำมีมูลค่าที่ไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่นๆ
ทั้งนี้ สัญญาทองคำร่วงลงอย่างหนักในช่วงแรก อย่างไรก็ดี ก่อนปิดตลาดไม่กี่นาที ราคาทองได้พยุงตัวขึ้นและลดช่วงลบลง เนื่องจากดอลลาร์เริ่มอ่อนค่าลง หลังจากที่ปธน.ทรัมป์ และนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ของญี่ปุ่น ได้แถลงข่าวร่วมกัน ซึ่งทรัมป์ได้ให้ความเชื่อมั่นกับอาเบะถึงความมุ่งมั่นของสหรัฐที่มีต่อความมั่นคงของญี่ปุ่น
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ปรับตัวขึ้น 0.13% แตะ 100.80 ณ เวลา 01.45 น.ของวันเสาร์ตามเวลาไทย โดยปกติแล้ว ทองและดอลลาร์จะเคลื่อนตัวในทิศทางตรงข้ามกัน ซึ่งหมายความว่าหากดอลลาร์ปรับตัวขึ้น สัญญาทองก็จะปรับตัวลง เนื่องจากทอง ซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์ จะมีราคาแพงขึ้นสำหรับนักลงทุน ขณะดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง จะเพิ่มความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น