สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (1 มี.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ นอกจากนี้ การที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อคืนนี้ ยังส่งผลให้นักลงทุนเทขายทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ร่วงลง 3.9 ดอลลาร์ หรือ 0.31% ปิดที่ระดับ 1,250.00 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 22 ก.พ.ปีนี้
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 2 เซนต์ หรือ 0.11% ปิดที่ 18.489 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.ลดลง 12.1 ดอลลาร์ หรือ 1.17% ปิดที่ 1,018.90 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 7.30 ดอลลาร์ หรือ 1% ปิดที่ 779 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำร่วงลงเนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ส่งผลให้สัญญาทองคำมีมูลค่าที่ไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่นๆ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.34% เมื่อคืนนี้
ภาวะการซื้อขายในตลาดทองคำได้รับแรงกดดันจากกระแสคาดการณ์เรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด โดยผลสำรวจของ CME Group FedWatch ระบุว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาสสูงถึง 69% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้
นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดของตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ และการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศแผนการลงทุนมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ในโครงการสาธารณูปโภค ยังส่งผลให้นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และหันไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า
นักลงทุนจับตานางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ซึ่งมีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ที่ Executives' Club of Chicago ในวันศุกร์นี้ เพื่อหาสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด