ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดร่วง $8.8 เหตุนลท.เทขายหลังดอลล์แข็ง,หุ้นดีดตัว

ข่าวเศรษฐกิจ Friday March 31, 2017 07:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (30 มี.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ นอกจากนี้ การดีดตัวขึ้นของตลาดหุ้นนิวยอร์ก และตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 4/2559 ของสหรัฐ ซึ่งมีการขยายตัวได้ดีกว่าการคาดการณ์นั้น ยังส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ร่วงลง 8.8 ดอลลาร์ หรือ 0.7% ปิดที่ 1,248.00 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 4.6 เซนต์ หรือ 0.25% ปิดที่ 18.206 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค.ขยับลง 60 เซนต์ หรือ 0.06% ปิดที่ 955.70 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 7.30 ดอลลาร์ หรือ 0.9% ปิดที่ 797.50 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาทองคำได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน พุ่งขึ้นเหนือระดับ 100 เมื่อคืนนี้

ทั้งนี้ การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ส่งผลให้สัญญาทองคำมีราคาที่ไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น

นอกจากนี้ นักลงทุนได้ลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ และหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งสุดท้ายสำหรับจีดีพีประจำไตรมาส 4/2559 โดยระบุว่าจีดีพีมีการขยายตัว 2.1% ซึ่งสูงกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ที่ขยายตัวเพียง 1.9% และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยายตัว 2%

ทั้งนี้ ตัวเลขจีดีพีที่แข็งแกร่งของสหรัฐอาจเป็นปัจจัยที่สนับสนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในปีนี้ โดยก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่เฟดหลายรายได้ออกมาส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยล่าสุดนางลอเร็ตตา เมสเตอร์ ประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์ได้กล่าวสุนทรพจน์ที่มหาวิทยาลัยเดอโปล เมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์เมื่อวานนี้ว่า จีดีพีสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัวมากกว่า 2% ในปีหน้า และอัตราเงินเฟ้อจะกลับสู่การขยายตัวที่ยั่งยืนในระดับ 2% ในปีหน้า พร้อมกับแสดงความเชื่อมั่นว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในปีนี้

นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนก.พ., รายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือนก.พ. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ